แนะ ภท. เสียสละ ให้ 'ฉลอง-นาที' สารภาพ แก้ทางร่างกม.งบฯ 63 พ้นโมฆะ
"นิพิฏฐ์" แนะ ภท. เสียสละ ให้ "ฉลอง-นาที" สารภาพให้คนอื่นกดบัตรแทน แก้ทางร่างกม.งบฯ63 พ้นโมฆะ ไล่ "ทีมเลขาสภาฯ" สอบข้อเท็จจริงใหม่ ตอกหน้า "อนุทิน" ใช้กติกาโกงเลือกตั้งยอมไม่ได้ ปัดกล่าวหาเกียเซี๊ยะ ภท. แต่ฝากให้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 63 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่รัฐสภาพร้อมเปิดหลักฐานเป็นตั๋วสายการบิน และภาพของ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เดินทางไปประเทศจีน ที่เมืองเจิ้นโจว เมื่อวันที่ 11 มกราคม ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 15.28 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ นางนาที ลงมติเห็นชอบมาตรา 49 ของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า นางนาที จะเดินทางออกจากรัฐสภาก่อนหน้านั้น ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง และเมื่อตรวจสอบย้อนหลังยังพบการลงมติของ นางนาที ตั้งแต่มาตรา 45-48 ด้วย ซึ่งตนเชื่อว่า นางนาที ต้องฝากบัตรของตนเองให้บุคคลอื่นกดคะแนนแทน และมีเหตุที่อาจทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ซึ่งสภาฯ และวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแล้วนั้นเป็นโมฆะ หากมี ส.ส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย เนื่องจากเคยมีคำวินิจฉัยร่างกฎหมายไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อเสนอแนะเพื่อไม่ให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นโมฆะตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรคภูมิใจไทยต้องยอมเสียสละเพื่อชาติ ให้ นางนาที และ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ออกมายอมรับว่าไม่ได้กดลงคะแนนในมาตราใดบ้าง เพื่อทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ
“ความเห็นส่วนตัวผม หาก คุณฉลอง และ คุณนาที สารภาพว่าไม่ได้กดมาตราใด ศาลรัฐธรรมนูญจะแยกได้ว่ามีมาตราใด ซึ่งไม่กระทบกับเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นชอบต่องบประมาณ หาก คุณฉลอง และ คุณนาที ไม่ยอมรับว่าคนอื่นเอาไปกด จะตรงกับคดีที่วินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีทางออกต้องให้โมฆะไปทั้งฉบับ ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผมเคยบอกว่า คุณฉลอง ให้คนอื่นกดบัตรแทนในวาระ 3 หาก คุณฉลอง ออกมายอมรับ เชื่อว่าจะไม่ทำให้ร่างกฎหมายงบประมาณ พ.ศ.2563 นั้นเป็นโมฆะ” นายนิพิฏฐ์ แถลง
นายนิพิฏฐ์ แถลงด้วยว่าสำหรับกรณีที่มีนักกฎหมายโต้แย้งว่าข้อเท็จจริงของกระบวนการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 เป็นคนละกรณีกับการวินิจฉัยให้ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... เป็นโมฆะ เพราะต้นเหตุนั้นมีพฤติกรรมต่างกัน ว่า ต้องแยกเป็น 2 ลักษณะ คือ กรณีร่างพ.ร.บ.เป็นโมฆะ เพราะมีบุคคลใช้กดบัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่น และ 2.การรับผิดทางอาญา เพราะส.ส.ประพฤติมิชอบตามรัฐธรรมนูญ เพราะรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นใช้สิทธิแทน ถือว่าเป็นเจตนา แต่หากพิสูจน์ได้ว่าไม่มีเจตนา เป็นข้ออ้างที่สามารถใช้ต่อสู้ได้ แต่ต้องไปสู้กันในชั้นศาล
เมื่อถามว่าผลการตรวจสอบของฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่สามารถระบุคนที่ใช้สิทธิแทนนายฉลองได้ จะเป็นเหตุให้พ้นจากการรับผิดหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ไม่เฉียบ เพราะตรวจสอบข้อเท็จจริงเฉพาะที่ตนแถลงเท่านั้น แต่ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น เวลาก่อนหน้าที่นายฉลองใช้เดินทางจากรัฐสภาไปยังสนามบิน ว่าได้ลงมติในมาตราใดบ้าง เป็นต้น
“ผมยืนยันว่ามีข้อมูลแค่นี้ เพราะคนที่เดินทางไปกับคุณนาที และหน่วยงานที่คุณฉลองไปร่วมกิจกรรมโพสต์ภาพบนเฟซบุ๊ค หากผมมีข้อมูลมากกว่านี้จะตรวจสอบมากกว่านี้ ส่วนเรื่องที่ผมแถลงนั้นต้องการจะบอกกับประชาชน ฐานะที่ผู้แทนไม่ได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้ยื่นต่อประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบการกดบัตรแทนกัน” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
เมื่อถามต่อประเด็นที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงการมุ่งตรวจสอบส.ส.ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย เพราะไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่รู้จักแพ้ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า หากพรรคภูมิใจไทยเล่นกันด้วยกติกา ที่เก็บบัตรประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในพื้นที่ เพื่อให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.ในเขตพัทลุง ตนต้องบอกกับคนทั้งประเทศโดยสัปดาห์หน้าตนจะนำคลิปวีดีโอที่ปรากฎภาพของการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในพื้นที่มาเปิดเผย พร้อมเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลิกดึงการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้งที่ตนยื่นให้ตรวจสอบตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเหตุผลที่กกต. ดึงเรื่องตรวจสอบ ตนไม่ขอกล่าวหาว่ามีกระบวนการใดที่พรรคภูมิใจไทยใช้อำนาจแทรกแซงหรือไม่ แต่หาก กกต. ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ จะทำให้ไม่เกิดปัญหา ได้ส.ส.ที่มาสร้างปัญหาให้กับสภาฯ
เมื่อถามว่ากรณีที่เปิดโปงเรื่องดังกล่าวจะทำให้หัวหน้าพรรคภูมิใจและ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าหน้ากันติดหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาใด ที่ผ่านมาหลังการเปิดโปง นายจุรินทร์ ไม่เคยแทรกแซงหรือเตือนในการทำหน้าที่ตรวจสอบ