ย้อนรอยราคาทองคำช่วง 'ตรุษจีน' 5 ปี สูงขึ้นเท่าไร?
ทองคำ สินทรัพย์ยอดฮิตที่มีกำลังซื้อสูง มอบเป็นของขวัญปีใหม่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้แต่ละปีราคาปรับตัวสูง มาดูกันว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวกันเท่าไหร และปี 2563 แนวโน้มเป็นอย่างไร
เทศกาลตรุษจีน หรือปีใหม่จีน หลายคนคงจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนที่อยู่ในไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน หรือแม้แต่ชาวไทยแท้ เพราะเหล่าบรรดาศูนย์การค้าต่างๆ มักจะออกโฆษณาโหมกระแสเทศกาลอย่างเต็มที่ รวมถึงโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ไม่ต่างกับวันที่ 1 มกราคม เทศกาลปีใหม่สากล
นอกจากธีมสีแดงสดใสต้อนรับไชนีสนิวเยียร์ ที่ถูกผลิตออกแบบมาผ่านสินค้าและเสื้อผ้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อแล้ว หนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมที่มักจะซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเอง หรือมอบให้ผู้อื่น ก็คือ ทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำรูปพรรณ หรือทองคำแท่ง ทำให้ในแต่ละปีนั้น ราคาทองมักพุ่งสูงขึ้น
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงพามาย้อนดูราคาทองคำวันตรุษจีน ในช่วง 5 ที่ผ่านมา ว่าจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน แล้วปีนี้จะเป็นอย่างไร มีปัจจัยบวก ปัจจัยลบอย่างไรบ้าง
หากย้อนกลับไปเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว หรือปี 2558 ราคาทองคำขายออกช่วงวันตรุษจีน ตรงกับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 หรือราคาที่เราไปซื้อจากร้านทอง หากเป็นทองรูปพรรณ ราคาอยู่ที่ 19,200 บาทต่อบาททองคำ ส่วนราคาทองแท่ง 18,800 บาท แนวโน้มช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ปรับขึ้นจากก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าขึ้น จึงกดดันให้ราคาทองคำลดต่ำลง ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาดอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ยังมีปัจจัยบวกจากการที่ประธานกลางสหรัฐ (เฟด) ในขณะนั้น แถลงถึงการดำเนินนโยบายการเงินต่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย นับเป็นแรงหนุนที่ทำให้ตลาดทองคำยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่
ขณะที่ปี 2559 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นกว่า 900 บาท ทำให้ทองรูปพรรณราคาปรับไปอยู่ที่ 21,000 บาท และทองคำแท่ง ราคา 19,700 บาท ซึ่งปีนี้ราคาในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์มีการขยับขึ้นจากเดือนมกราคม 2559 อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ดูไม่สู้ดีในขณะนั้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ชะลอตัวอย่างมาก เหล่านักลงทุนต่างต้องหาสินทรัพย์ที่ดูปลอดภัย ซึ่งรวมถึงทองคำด้วย แต่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ราคาทองคำกลับลดลง เพราะราคาน้ำมันกลับดีดตัวสูงขึ้นมา ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในตอนนั้นด้วย แต่ไม่ดีเท่าไรนักกับตลาดทองคำ
พอมาปี 2560 ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ได้มากเท่าปีก่อนหน้า โดยราคาทองรูปพรรณราคาปรับขึ้น 350 บาท เป็น 20,450 บาท และทองคำแท่ง ราคาปรับขึ้น 250 บาท เป็น 19,950 บาท สิ่งหนึ่งมาจากผลพวงของเทศกาลตรุษจีน ที่ชาวจีนเริ่มแห่ซื้อกันตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ยาวเรื่อยมา อีกทั้งราคาปรับขึ้นเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่าตลาดการเงินโลกผันผวน
สำหรับปี 2561 ราคาทองรูปพรรณและทองคำแท่งปรับขึ้น 150 บาท เป็น 20,600 บาท และ 20,100 บาท ตามลำดับ ดูสถานการณ์โดยรวม แม้ราคาทองจะมีการปรับขึ้น แต่ดูจะอืดๆ ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลลัพธ์จากการที่ประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐ โดยมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งภายในปีนี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้น แน่นอนว่าราคาทองคำก็จะถูกกดดันให้ลดลงด้วย แต่ขณะเดียวกันค่าเงินบาทของไทยกลับอ่อนค่าลง ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศไว้ได้บ้าง
ขณะที่ดูปี 2562 พบว่าราคาทองคำกลับร่วงลงมาราวๆ 600 บาท โดยทองรูปพรรณ ราคาเหลืออยู่ที่ 20,000 บาท และทองคำแท่งเหลือ 19,500 บาท ต้องบอกก่อนว่าราคาทองที่เปรียบเทียบนั้น จะเทียบกันในวันตรุษจีน ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อน มากกว่าหรือน้อยกว่าหนึ่งปี ซึ่งช่วงระหว่างนี้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องส่งผลมาเป็นลูกโซ่
อย่างในปีนี้หากดูตัวเลขแล้วคงน่าตกใจ แต่จริงๆ สถานการณ์ราคาทองคำเริ่มนิ่งมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงเมษายน และปรับลดลงมาช่วงปลายเมษายน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายกังวลสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่สูงขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งเหล่านี้เป็นผลกดดันลดความน่าดึงดูดของการลงทุนทองคำลง
นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายน ดัชนีดาวน์โจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีตัวสุงขึ้นอีก ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แล้วหันไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าแทน เช่น หุ้น เป็นต้น แนวโน้มตลาดทองคำดูจะซบไปชั่วครู่ ไม่นานเดือนพฤศจิกายน นักลงทุนเริ่มกังวลกับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน ตลาดหุ้นดิ่ง สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ร่วง แน่นอนว่าสินทรัพย์ปลอดภัยคือสิ่งที่เหล่านักลงทุนเริ่มควานหา ราคาทองคำกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
และในปี 2563 ก่อนวันตรุษจีน 1 วัน หรือวันที่ 24 มกราคม 2563 ราคาทองคำขายออกทองรูปพรรณอยู่ที่ 23,050 บาท ส่วนทองแท่ง 22,550 บาท หากเทียบกับปีก่อน ราคาสูงขึ้น 3,050 บาท เราคงต้องย้อนไปดูตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนึ่งในปัจจัยหลักก็คือ ความกังวลในสงครามการค้าสหรัฐและจีน เนื่องจากยังคงต้องรอลุ้นการเจรจาทางการค้าในเฟสต่อไป และดูทีท่าว่าจะยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงภายในปีหน้า รวมถึงการที่จีนสั่งระงับการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ และปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ทำให้เกิดคำสั่งซื้อสินค้าปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้ราวเดือนสิงหาคมดีดตัวทำนิวไฮในรอบ 6 ปี
ทั้งนี้จากรายงานสถิติตัวเลขราคาทองคำย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2562 ที่ผ่านมา ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า ปกติแล้วราคาทองจะพุ่งสูงขึ้นก่อนถึงวันตรุษจีน เนื่องจากผู้คนมักจะซื้อเพื่อมอบเป็นของขวัญ แต่พอถึงวันตรุษจีนราคาจะปรับลงมา โดยตลอดทั้งเดือนมกราคมช่วง 5 ปีนั้น ปรับขึ้นทุกปีเฉลี่ย 5%
ซึ่งหลายคนแนะนำว่าช่วงวันหยุดยาวของจีน หรือ Golden Week เหมาะแก่การซื้อทองเพื่อมาลงทุนอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่บริโภคทองคำรายใหญ่ อันดับ 1 ของโลก แต่ช่วงนี้คนจีนจะออกเดินทางท่องเที่ยว และตลาดทองคำของจีนก็จะหยุดทำการราวๆ 7 วัน ทำให้ราคาลดลง และรอทำกำไรที่แนวโน้มดีดตัวขึ้นหลังจากนั้น
ขณะที่ปี 2563 มีการประเมินว่าสถานการณ์ความเคลื่อนไหวจะเป็นไปในทิศทางขาขึ้น
โดยมีโอกาสที่จะขยับขึ้นเป็น 22,900-23,100 บาท ผลพวงจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน
ตอกย้ำแนวโน้มที่ดีขึ้น ด้วยข้อมูลจากศูนย์วิจัยทองคำ ที่รายงานดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนมกราคม 2563 ว่ามีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2562 ประมาณ 14.32% ซึ่งเหตุผลหลักๆ มาจากสถานการณ์สงครามการค้า ทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐ (เฟด) และความต้องการซื้อสินค้าปลอดภัย (Safe Heaven) จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้ข้อตกลงการค้าเฟส 1 จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่นักลงทุนบางส่วนก็ยังคงมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือทองคำ
อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดด้วย
ที่มา : เว็บไซต์ทองคำราคา, บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, ศูนย์วิจัยทองคำ, สมาคมทองคำ