‘ไฟป่าออสเตรเลีย’ แรงอีกรอบ-เครื่องบินดับเพลิงตก
แม้รายงานข่าวจะดูเหมือนเงียบไปนิดเพราะมีข่าวโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นมาดึงความสนใจ แต่ไฟป่าออสเตรเลียยังไม่ได้ดับลง ล่าสุดวานนี้ (23 ม.ค.) เกิดไฟป่าใกล้กรุงแคนเบอร์ราจนต้องปิดสนามบินในเมืองหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เครื่องบินดับเพลิง
อุณหภูมิสูงและลมแรงเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดไฟป่าอีกครั้งวานนี้ ในหลายพื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรเลีย หลังจากฝนตกและอากาศเย็นขึ้นทำให้ไฟสงบไปหลายวัน ซึ่งตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นมาออสเตรเลียต้องเผชิญกับไฟป่าหลายระลอกชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นแบบนี้มาก่อน สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ชุมชนและชีวิตสัตว์ป่า
โฆษกสนามบินแคนเบอร์ราแถลงว่า ตั้งแต่เที่ยงวันพฤัสบดีตามเวลาท้องถิ่น สนามบินสั่งระงับเที่ยวบินเข้าออกทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินดับเพลิงปฏิบัติการโดยสะดวก สนามบินอนุญาตให้เครื่องบินไม่กี่ลำบินออกไปแต่ไม่มีเครื่องบินลงจอดเลย สายการบินใหญ่อย่างน้อย 2 สายการบินยกเลิกบริการ
สำนักงานบริการเหตุฉุกเฉินเขตเมืองหลวงออสเตรเลียแถลงว่า สนามบินปิดเพราะเกิดเหตุเร่งด่วน แม้ไม่มีการสั่งอพยพคนแต่เจ้าหน้าที่สนามบินช่วยผู้โดยสารขึ้นรถบัสกลับเข้าสู่ตัวเมือง
ช่วงก่อนเที่ยงวันเล็กน้อยเปลวไฟที่ลุกลามอยู่ทางใต้ของสนามบินพัฒนาขึ้นสู่ระดับฉุกเฉิน สำนักงานแนะนำชาวบ้านบริเวณชานเมือง 3 จุดที่อยู่บนเส้นทางไฟรีบอพยพก่อนจะสายเกินไป
“ไฟป่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อทุกชีวิตที่อยู่บนเส้นทางไฟ ประชาชนในแถบนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องหาที่พักพิงโดยด่วนในช่วงที่ไฟกำลังใกล้เข้ามา”สำนักงานบริการเหตุฉุกเฉินเขตเมืองหลวงประกาศเตือน
ต่อมาไฟทางใต้ลุกลามไปรวมกับไฟทางตะวันตกของสนามบิน ไฟสองกองรวมกันเผาผลาญครอบคลุมพื้นที่ 2,368.75 ไร่
สำหรับสนามบินแคนเบอร์ราแม้ใช้เป็นฐานดับไฟทางอากาศมานานหลายเดือน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องระงับเที่ยวบินพาณิชย์
ทางการออสเตรเลียประกาศให้ไฟป่าอย่างน้อย 7 จุดเป็นเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งในเขตสโนวีโมนาโร ที่เครื่องบินดับเพลิงลำหนึ่งขาดการติดต่อ จนเกรงว่าเครื่องบินน่าจะตกทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
แถลงการณ์จากสำนักงานไฟป่านิวเซาท์เวลส์ระบุ “เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินในท้องถิ่นชี้ว่า เครืื่องบินอาจตก ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่งในพื้นที่กำลังปฏิบัติการค้นหา”
เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ คณะกรรมการสำนักงานบริการไฟป่านิวเซาท์เวลส์ เผยว่า เครื่องบินบรรทุกสารเคมีขนาดใหญ่ ซี-130 เฮอร์คิวลิสของแคนาดา ที่กำลังบินดับไฟในเขตสโนวี โมนาโร ขาดการติดต่อเมื่อก่อนเวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นเล็กน้อย คนบนเครื่องทั้ง 3 คน มาจากสหรัฐเสียชีวิตทั้งหมด
ฟิตซ์ซิมมอนส์แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียบุคลากรผู้มีคุณค่าทั้ง 3 คน ที่ทุ่มเทเวลาหลายสิบปีให้กับการดับไฟและจัดการไฟมาโดยตลอด
อุบัติเหตุเครื่องบินดับเพลิงตกทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 32 คน นับตั้งแต่เริ่มวิกฤติในเดือน ก.ย.
สาเหตุของอุบัติเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ฟิตซ์ซิมมอนส์กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นกระแสลมแรง ทำให้เครื่องบินลำใหญ่บินได้ยากมาก
บริษัทคูลซัน เอวิเอชัน จากแคนาดาที่เป็นเจ้าของเครืื่องบินสั่งระงับปฏิบัติการดับไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย และรอตรวจสอบเครื่องบินลำที่ตก
รายงานข่าวเบื้องต้นระบุว่า เครื่องบินตกกระแทกพื้นอย่างแรงแล้วระเบิดเกิดเปลวไฟใหญ่ลุกโชติช่วง อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และนักบินดับเพลิงทำงานสกัดไฟอยู่ในพื้นที่
แกลดีส์ เบเรจิกเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า อุบัติเหตุเครื่องบินตกเน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานสุดแสนอันตรายในการพยายามดับไฟป่ามหึมาทั่วตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย
“วันนี้วันเดียวใช้เครื่องบินกว่า 70 ลำ และวันนี้ก็เตือนใจว่า อาสาสมัครของเราทำงานใต้ภาวะอันตรายขนาดไหน เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเราต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ทุกวัน” นายกฯ หญิงแห่งนิวเซาท์เวลส์กล่าว
ที่ซิดนีย์ เมืองใหญ่สุดของออสเตรเลีย อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ไฟปะทุขึ้นเช่นกันที่บริเวณชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ คาดว่าบางพื้นที่ลมกระโชกแรงถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ฟิตซ์ซิมมอนส์กล่าวว่า ลมพัดแรงเกินคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ ที่ไฟป่ารุนแรง
“ความท้าทายใหญ่ประการหนึ่งคือลมแรงขึ้นทุกที ทำให้เครื่องบินดับไฟเสริมกำลังภาคพื้นดินได้ยาก เราพยายามนำเครื่องบินบรรทุกสารเคมีลำใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่เข้าไปช่วย แต่เห็นแล้วว่ายากมาก อันตรายเกินกว่าจะบิน” คณะกรรมการสำนักงานบริการไฟป่านิวเซาท์เวลส์ กล่าวพร้อมเตือนว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและประชาชนจะต้องเจอกับบ่ายวันพฤหัสบดีที่ยาวนานและยากลำบาก
ไฟป่าอย่างที่่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนรุนแรงขึ้นเพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หลังจากเกิดไฟป่าแล้วบางพื้นที่ของออสเตรเลียยังเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนซ้ำเติมอีก เช่น พายุ ลูกเห็บยักษ์ น้ำท่วม ดินถล่ม
บางจุดฝนตกหนักช่วยสกัดและดับไฟที่ไหม้มายาวนานได้บ้าง แต่ความร้อนสูงและลมกระโชกแรงแบบไม่คาดฝันที่กลับมาเกิดซ้ำวานนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าไฟป่าอีกหลายสิบจุดน่าจะอยู่ต่อไป
คาดว่า วันนี้ (24 ม.ค.) อากาศจะกลับมาเย็นลง แต่ฤดูไฟป่ายังดำรงอยู่อีกหลายสัปดาห์ ฟิตซ์ซิมมอนส์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วฤดูไฟป่าของนิวเซาท์เวลส์จะหมดเมื่อสิ้นเดือน มี.ค.
“ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะหมดฤดู แม้ฝนจะมีฝนตกมาบ้างช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ลงได้ แต่แน่นอนว่าฤดูไฟป่ายังไม่จบ”
วิกฤติไฟป่านานหลายเดือนกระตุ้นให้ชาวออสเตรเลียเรียกร้องกับรัฐบาลสายอนุรักษนิยมอีกครั้ง ให้มีปฏิบัติการว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทันที ประชาชนรวมตัวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสันลดการพึ่งพาถ่านหินลง
ส่วนการประชุมประจำปีว่าด้วยถ่านหินในเมืองวอลลองกอง ในเขตผลิตถ่านหินทางตอนใต้ของซิดนีย์ ที่เสียหายหนักจากไฟป่า ต้องยกเลิกการประชุมในสัปดาห์นี้เพราะนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมประกาศว่าจะจัดประท้วงใหญ่
ผลการสำรวจความคิดเห็นในเดือน ม.ค. โดยบริษัทอิปซอสเผยแพร่สัปดาห์นี้พบว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมพุ่งขึ้นมาเป็นปัญหาที่ชาวออสเตรเลียกังวลที่สุด ประชาชน 41% ยกให้เป็นปัญหาระดับชาติที่สำคัญที่สุดเป็นครั้งแรก
ส่วนนายกฯ มอร์ริสันถึงตอนนี้ก็ยังรีๆ รอๆ ไม่ยอมรับว่าภัยพิบัติไฟป่าเป็นผลจากโลกร้อน ยังไม่ยอมประกาศชุดมาตรการใหม่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่กลับส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจะเน้นที่การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยืดหยุ่นของอาคารแทน