ไทยปรับมาตรการคัดกรอง 'ไวรัสโคโรน่า' เปลี่ยนเป้าเที่ยวบิน
สธ.เผยไทยปรับมาตรการเฝ้าระวังผู้สงสัยติด “ไวรัสโคโรน่า” คัดกรองประตูเครื่องบินเป็นไฟลท์จากกวางโจวมุ่งพื้นที่อาจจะเสี่ยงแทนอู่ฮั่น หวั่นคนจีนฝ่าฝืนแอบเดินทางผ่านเมืองอื่นรอบพื้นที่เสี่ยง พร้อมเพิ่มจุดตรวจก่อนเข้าตม.กันหลุดรอดอีกชั้น
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2563 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ภายหลังจากที่ทางการตจีนประกาศห้ามปิดเมืองอู่ฮั่นห้ามเข้า-ออก และองค์การอนามัยโลกหรือฮู(WHO)ยังประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศว่า ในส่วนของประเทศไทยมีการปรับมาตรการที่สนามบิน จากเดิมที่จะคัดกรองผู้โดยสารทุกคนในทุกเที่ยวบินที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่น โดยจะทำการตรวจวัดอุณหภูมิตั้งแต่ที่ประตูเครื่องบิน ซึ่งเป็นการคัดกรองที่ดีที่สุด เพราะผู้โดยสารที่อาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเข้าเกณฑ์สอบสวนจะสัมผัสกับคนอื่นๆน้อยที่สุด จำกัดอยู่เฉพาะคนที่โดยสารมาในเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสบุคคลอื่นในอาคารสนามบิน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า เมื่อทางการจีนห้ามไม่ให้เที่ยวบินจากอู่ฮั่นออกนอกประเทศแล้ว ดังนั้น ไทยจะปรับเป็นการคัดกรองผู้เดินทางที่ประตูเครื่องบินจากเที่ยวบินที่บินตรงมาจากเมืองอื่นที่มีสนามบินใกล้เมืองอู่ฮั่นที่อาจจะเป็นพื้นที่อาจจะเสี่ยงแทน เช่น กวางโจว เนื่องจากอาจจะมีผู้คนที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการเดินทางของจีนแล้วเดินทางออกนอกพื้นที่ระบาดผ่านเมืองอื่นๆแทน นอกจากนี้ เพิ่มจุดคัดกรองอีกชั้นที่จุดก่อนเข้าก่านตรวจคนเข้าเมืองด้วย เพื่อป้องกันการหลุดรอด โดยหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค จะนำตัวเข้ารับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลในห้องแยกโรคทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไว้ก่อน รวมถึงตรวจสอบผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ต้องสงสัยที่เดินทางมาด้วยกันทุกราย
อย่างไรก็ตาม แม้จะสั่งห้ามเดินทางเข้าออกเมืองอู่ฮั่น แต่จะมีช่วงเปลี่ยนผ่านที่คนจากเมืองอู่ฮั่นเดินทางเข้ามาไทยก่อนคำสั่งดังกล่าวและอาจจะไม่ได้ป่วยในช่วงที่อยู่สนามบิน สำหรับคนที่ตกค้างอยู่ในไทยนี้จะใช้มาตรการเฝ้าระวังที่รพ.และชุมชนเป็นสำคัญ คือ หากมีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาที่รพ.ด้วยอาการตามข้อบ่งชี้ คือ ไข้ มีอาการทางระบบทางเดินหายใจและมาจากอู่ฮั่น ให้รพ.ดำเนินการเฝ้าระวังโรคโดยนำเข้ารับการรักษาที่ห้องปลอกเชื้อความดันเป็นลบ และขอความร่วมมือชุมชน พื้นที่ท่องเที่ยว บริษัททัวร์หรือหัวหน้าทัวร์หากคนจากอู่ฮั่นป่วยเข้าเกณฑ์ดังกล่าวให้ประสานรพ.ทันที
นพ.สุวรรณชัย กล่าวด้วยว่า จากการที่ประเทศไทยดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 3ม.ค.-23มค.2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ต้องสงสัยในการเฝ้าระวังติดเชื้อสะสม 53 ราย ในจำนวนนี้ 33 รายหายดีออกจากรพ.แล้ว อีก 20 ราย ยังอยู่ในการเฝ้าระวังและในรพ.พื้นที่กทม.และต่างจังหวัด 20 ราย ซึ่งผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่พบเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 แต่จะต้องให้การรักษาจนกว่าจะหายป่วย และผู้ป่วยจำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ(ห้องแล็ป) ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันจนถึงขณะนี้ 4 ราย โดย 2 รายเป็นหญิงชาวจีนรักษาหายและส่งกลับจีนแล้ว อีก 2 รายเป็นชาวจีนและคนไทย อาการดีขึ้น แต่จะต้องตรวจจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีเชื้อแล้วจึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ นอกจากนี้ การเฝ้าระวังในผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันทุกราย พบว่าไม่มีใครป่วยหรือติดเชื้อ
“ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบเฝ้าระวังโรคของไทย เพราะไทยดำเนินการมากกว่าที่องค์กรระหว่างประเทศแนะนำให้นานาประเทศเริ่มต้นดำเนินการและไทยทำมาก่อนนั้นแล้ว เพราะไทยมีแผนเตรียมความพร้อมและแผนเผชิญเหตุกรณีมีการระบาดของโรคอยู่เรื่อยๆเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มีความพร้อมเสมอ ซึ่งจะมีคณะกรรมการดำเนินการที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน”นพ.สุวรรณชัยกล่าว