โพลระบุ ปชช.เกินครึ่ง ไม่เชื่อมือรัฐ จัดการปัญหาฝุ่น
สวนดุสิตโพล ระบุประชาชนเกิน 50% ไม่มั่นใจการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤติ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นยังคงน่าเป็นห่วง ในหลายพื้นที่พบปริมาณเกินมาตรฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน
เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ต่อ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,376 คน ระหว่างวันที่ 21-25 มกราคม 2563 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนติดตามข่าวสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1 : ติดตามเป็นประจำทุกวัน (55.09%) เพราะสถานการณ์รุนแรง เข้าขั้นวิกฤต กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อยากรู้ค่าฝุ่นละอองในแต่ละวันว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ฯลฯ
อันดับ 2 : ติดตามบ้างเป็นบางวัน (35.03%) เพราะอยากรู้รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ฯลฯ
อันดับ 3 : ไม่ค่อยได้ติดตาม (8.00%) เพราะทำให้รู้สึกเครียด กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากรับรู้ข้อมูลมากเกินไป ฯลฯ
อันดับ 4 : ไม่ได้ติดตามเลย (1.88%) เพราะไม่มีเวลา ต้องทำงาน ไม่อยากรู้ สนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ฯลฯ
2. ประชาชนรู้สาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5 หรือไม่?
อันดับ 1 : รู้ 84.30% สาเหตุ คือ เกิดจากตัวเราเอง การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม ควันจากท่อไอเสียของรถที่มีจำนวนมากในท้องถนน การเผาไหม้ต่างๆ เช่น เผาป่า เผาหญ้า เผาขยะ อาหารปิ้ง ย่าง สภาพอากาศแปรปรวน ป่าไม้ลดลง ฯลฯ
อันดับ 2 : ไม่รู้ (15.70%) เพราะไม่สนใจ เป็นฝุ่นทั่ว ๆ ไป ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ฯลฯ
3. ประชาชนคิดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบในเรื่องใดบ้าง?
อันดับ 1 สุขภาพร่างกาย ระบบทางเดินหายใจ สมอง (94.45%)
อันดับ 2 เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว (22.65%)
อันดับ 3 การดำเนินชีวิตประจำวัน การทำกิจกรรมนอกบ้าน (12.94%)
อันดับ 4 สภาพอากาศ ทัศนวิสัยในการมองเห็น (10.17%)
อันดับ 5 สุขภาพจิต อารมณ์ (4.31%)
4. ประชาชนมีวิธีการที่จะไม่ให้เกิดฝุ่น หรือ ไม่เพิ่มฝุ่น ด้วยวิธีใดบ้าง?
อันดับ 1 ใช้รถส่วนตัวน้อยลง ใช้บริการรถสาธารณะแทน ตรวจเช็คเครื่องยนต์ (60.86%)
อันดับ 2 ไม่เผาไหม้ในที่โล่ง ไม่สูบบุหรี่ ปิ้ง ย่าง (44.26%)
อันดับ 3 ทำความสะอาดบ้าน ปลูกต้นไม้ รักษาสิ่งแวดล้อม (24.80%)
5. ประชาชนมีวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
อันดับ 1 สวมหน้ากากอนามัย (96.00%)
อันดับ 2 ลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน อยู่บ้านมากขึ้น หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่น (35.84%)
อันดับ 3 ดูแลสุขภาพ กินอาหาร กินวิตามิน ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ (11.68%)
6. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรมีวิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างไร?
อันดับ 1 ออกมาตรการต่าง ๆ บังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น จำกัดปริมาณรถส่วนบุคคล ให้ใช้รถสาธารณะ ห้ามเผาไฟ (33.77%)
อันดับ 2 ตรวจจับรถทุกประเภทที่มีควันดำ กำหนดเวลาวิ่งของรถบรรทุก (31.36%)
อันดับ 3 ฉีดน้ำ พ่นละอองน้ำ ทำฝนหลวง (26.97%)
อันดับ 4 แจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน มีระบบแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นแต่ละวัน (24.78%)
อันดับ 5 ควบคุมการปล่อยควันพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้างต่างๆ (16.45%)
7. ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1 : ไม่มั่นใจเลย (52.90%) เพราะไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน รัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ฯลฯ
อันดับ 2 : ไม่ค่อยมั่นใจ (40.70%) เพราะประชาชนต้องดูแลตัวเอง สถานการณ์ฝุ่นยังมีทุกพื้นที่ แก้ไขได้ยาก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น ฯลฯ
อันดับ 3 : ค่อนข้างมั่นใจ (4.80%) เพราะรัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ ฯลฯ
อันดับ 4 : มั่นใจมาก (1.60%) เพราะมีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับปัญหา ปีที่ผ่านมาสามารถแก้ไขได้ ฯลฯ