เดียร์ เน็ตไอดอล-ก๊วนแชร์แม่มณี ให้การปฏิเสธคดีฉ้อโกง 1.3 พันล้าน
ศาลอาญา เบิกตัว 9 จำเลย สอบคำให้การ ยืนกรานสู้คดี โจทก์ขอชดใช้ผู้เสียหาย 2,533 คน กว่า 1.3 พันล้าน ศาลนัดตรวจหลักฐานบ่าย 9 มี.ค.
ที่ห้องเวรชี้ (ชั้น 1) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีแชร์แม่มณี หมายเลขดำ อ.167/2563 พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ ทิพย์ประเวช" อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดรธานี เน็ตไอดอล เจ้าของวงแชร์แม่มณี เป็นจำเลยที่ 1
นายเมธี หรือบอส ชิณภา ที่ 2 อายุ 20 ปี ชาว จ.อุดรธานี แฟนหนุ่มของน.ส.วันทนีย์, นายปิยะ หรือเป้ คีรีสุวรรณกุล ที่ 3 อายุ 22 ปี ชาว จ.อุดรธานี , น.ส.พรสวรรค์ หรือฝ้าย ภูอินอ้อย ที่ 4 อายุ 20 ปี ชาว จ.อุดรธานี , น.ส.ธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช ที่ 5 อายุ 58 ปี ชาวจ.อุดรธานี มารดา น.ส.วันทนีย์ , น.ส.วิไลวรรณ หรือมิ้น หงษ์ประชาทรัพย์ ที่ 6 อายุ 26 ปี ชาว จ.อุดรธานี , น.ส.นิตยา หรือโบว์ พินนอก ที่ 7 อายุ 28 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ , นายบริภัทร เข็มรัตน์ ที่ 8 อายุ 23 ปี ชาว จ.อุดรธานี และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา ที่ 9 อายุ 24 ปี
ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนด (พรก.) การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ 2527 มาตรา 3,4,5 11/1,12 ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา14 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,91
และให้จำเลยที่ 1-9 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง 2,533 ราย รวม 1,376,215,359.74บาทด้วย โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 24 ม.ค.63 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. - 30 ต.ค.62 น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ เจ้าของวงแชร์แม่มณี จำเลยที่ 1, 4 ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1, น.ส.พรสวรรค์ หรือฝ้าย จำเลยที่ 4 กับพวก อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ ซึ่งมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุน จัดแบ่งออกเป็นวงแชร์ การลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาท/วง เมื่อครบกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่พวกจำเลยแจ้ง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงแชร์ละ 1,930 บาท
ซึ่งต่อมา จำเลยที่ 1, 4 กับพวก ได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นโดยลงทุน 400 บาท ได้รับผลตอบแทน 100 บาท เมื่อครบกำหนด 7 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท , ลงทุน 400 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาทเมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท , ลงทุน 150 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท , ลงทุน 150 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 13 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท โดยข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยที่ 1, 4 กับพวก ไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น
โดยมีผู้เสียหายรวม 2,533 ราย ซึ่งภายหลังกระทำความผิดแล้ว จำเลยทั้ง 9 คนได้ร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงฯ และร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาหรือประกาศฯ ให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยทั้งหมด โดยอ้างจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษดังกล่าว ซึ่งแผนการตลาดหรือการลงทุนแต่ละแผนที่จำเลยทั้งหมดอ้างจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตั้งแต่อัตราร้อยละ 1,116 – 3,040.45 ต่อปีนั้นสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ อันเป็นความเท็จ
ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยทั้งไม่สามารถจ่ายผลประโยชน์ในอัตราดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนได้ โดยพวกจำเลยจะนำเงินที่ได้จากผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ มาจ่ายเป็นผลประโยชน์หมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ร่วมลงทุนรายก่อน แล้วเมื่อไม่มีผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ร่วมลงทุนเพิ่ม ก็ไม่สามารถได้รับผลตอบแทนและเงินร่วมลงทุนกลับคืน ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้กับพวกจำเลยทั้งเก้าไปรวมทั้งสิ้น 1,376,215,359.74 บาท
ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 9 คน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง มาสอบคำให้การ โดย "ศาล" อ่านและอธิบายคำฟ้องให้พวกจำเลยฟังจนเข้าใจ แล้วสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งจำเลยที่ 1-9 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดี ศาลจึงกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานโจทก์ - จำเลยในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.