'กสิกร' เปิดศึกธุรกิจแลกเงิน หั่นเรททุกสกุล ย้ำถูกที่สุด
ตลาดแลกเงิน "เดือด" "กสิกรไทย" ประกาศหั่นเรท "ต่ำสุด" ทุกสกุล ไม่จำกัดวงเงินผ่านสาขา-บูธแลกเงินกว่า 1 พันจุดทั่วประเทศ หวังเป็น "แบรนด์แรก" ที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการแลกเงิน "ซุปเปอร์ริชสีส้ม" เชื่อไม่กระทบ มองแค่การโฆษณา
ธุรกิรรับแลกเงินส่อแข่งขันดุเดือดอีกระรอก หลังธนาคารกสิกรไทย ประกาศปรับลดเรทอัตราแลกเปลี่ยนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับแบงก์อื่น และเทียบเท่าร้านแลกเงิน จากก่อนหน้านี้หลายแบงก์แข่งขันกันผ่านการออกบัตรแลกเงิน ทั้ง Travel Card ของธนาคารกรุงไทย ,บัตร Journey ของกสิกรไทย และบัตร Planet ของไทยพาณิชย์
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดเรทแลกเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเงิน นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคาร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า สะดวกสบาย โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ลูกค้าคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งปี2562 ที่ผ่านมา มีจำนวน 10 ล้านคน และมีมูลค่าการใช้จ่ายในต่างประเทศประมาณ 385,000-390,690ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารชูแนวคิด "KBank เรทGENใหม่ ถูกแน่ไม่ต้องเทียบ" ซึ่งลูกค้าจะได้เรทแลกเงินที่คุ้มค่าที่สุดจากธนาคาร หรือถูกที่สุดในบรรดาสถาบันการเงิน และเทียบเท่าร้านแลกเงิน โดยไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบเรท อีกทั้งยังมีความสะดวกสบาย เพราะธนาคารมีจุดแข็งที่ช่องทางบริการของธนาคารทั้งที่เป็นสาขาธนาคารและบูธแลกเงินทั้งในและนอกสนามบิน ตู้แลกเปลี่ยนเงินอัตโนมัติ รวมมากกว่า1,000แห่ง โดยการปรับลดเรทแลกเงินครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.เป็นต้นไป ปัจจุบันกสิกรไทยให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตรารวม28สกุลเงิน
นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด หรือ SuperRich SPR (ซุปเปอร์ริชสีส้ม) เปิดเผยว่า การประกาศปรับลดเรทแลกเงินดังกล่าว เป็นการแข่งขันระหว่างธนาคารด้วยกันเอง และการประกาศลดเรทเพื่อการโฆษณาเท่านั้น ในส่วนของเรามองว่า เรทแลกเงินงขึ้นกับราคาตลาดเป็นหลัก และเรายังคงนโยบายการดำเนินธุรกิจตามเดิม
ปัจจัยสำคัญที่ต้องประเมินผลกระทบ คือ ระบาดของไวรัสโคโรนาจากจีน ทำให้ปริมาณการแลกเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงได้ ล่าสุดพบว่ายอดแลกเงินทุกสกุล โดยเฉพาะเงินหยวนยังไม่ได้ลดลง อาจเพราะเป็นช่วงตรุษจีน จึงต้องรอตัวเลข ณ สิ้นเดือนก.พ.นี้ก่อน
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวว่า ธนาคารมีแผนที่จะปิดศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตรา และบูธแลกของธนาคารทั้งหมดภายในปีนี้ ปัจจุบันเหลืออยู่ 3-4สาขา หลังที่ผ่านมาลดต่อเนื่อง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยวเร็ว มีทางเลือกใช้บัตรแลกเงินแทน ทำให้ไม่จำเป็นต้องแลกเงินเพื่อไปใช้จ่ายในต่างประเทศ อีกทั้งรายได้จากธุรกิจนี้มีค่อนข้างน้อย ดังนั้นธุรกิจนี้จึงอาจไม่มีความจำเป็นกับธนาคารในระยะข้างหน้า
ด้านอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า แนวโน้มของศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตรา มีทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุด ปี 2562 ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราเหลือ 68 ศูนย์ จากปี2561ที่มี 72 ศูนย์ และปี 2560 ที่ 102 ศูนย์ ซึ่งเป็นภาพเดียวกับสาขา ที่พบว่าแนวโน้มการใช้บริการของผู้บริโภคลดลง เพราะลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราไปใช้บัตรเพิ่มขึ้น