'ประวิตร' สัญญาชาวกระบี่ ดันราคาปาล์มทั้งปี 5-7 บาท
“พล.อ.ประวิตร” ยืนยันพี่น้องชาวกระบี่ รัฐบาลจะดูแลราคาผลปาล์มในปี63 ไม่ต่ำกว่า 5-7 บาทต่อกิโลกรัม ช่วยสร้างรายได้พี่น้องชาวสวนปาล์ม ประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) กล่าวเปิดงาน “B10 สร้างสมดุลปาล์มน้ำมัน สู่ความยั่งยืน” ณ ลานพระอาทิตย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และคมชัดลึก ว่า รัฐบาลจะดูแลราคาผลผลิตปาล์มไม่ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 5-7 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กนป.ได้ดูแลราคาปาล์มอย่างเต็มที่
รวมทั้งทำให้ราคาปาล์มปรับตัวดีขึ้น ทะลุ 7 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงไตรมาส4 ปี2562 และคาดการณ์ว่า ในเดือนม.ค.ปีนี้ จะมีผลผลิตปาล์มล็อตใหม่ออกสู่ตลาด และสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์ม ประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากราคาปาล์มปีนี้ดีขึ้น จากช่วงปลายปี 2562 ที่มีรายได้ราว 4.5 พันล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทาง กนป.ได้เข้ามาเร่งแก้ปัญหาราคาผลผลิตปาล์มที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนั้นช่วงปี 2558-2559 ผลผลิตปาล์มออกมาน้อย ความต้องการใช้ในประเทศไม่เพียงพอทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเข้ามา และราคาผลผลิตก็ปาล์มปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 4.00-5.50 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้นที่ 5.6 ล้านไร่ ในปี 2560 ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 16.5 ล้านตันในปี 2562 กระทบต่อราคาผลผลิตปาล์มตกต่ำในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2562
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ผลักดันแก้ไขปัญหาจนส่งผลให้ราคาดีขึ้นในช่วงไตรมาส4ปีที่ผ่านมา จากการที่ กนป.ได้ดำเนินการใน 2 มาตรการหลัก คือ 1.มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)นำน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ไปผลิตกระแสไฟฟ้า ผ่านการรับซื้อCPO ปริมาณ 96,200 ตัน และ2. กระทรวงพลังงาน ได้ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป ส่งผลให้ภายใน 6 เดือนของปี2562 จากที่ราคาปาล์มตกต่ำปรับตัวดีขึ้นทันที
นับว่ารัฐบาลได้ใช้กลไกที่มีอยู่ทั้ง กนป. และ กพช. ในการขับเคลื่อนนโยบายจนแก้ปัญหาปาล์มได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ขอให้พี่น้องชาวสวนปาล์มเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้ จะดูแลแก้ไขปัญหานี้แบบยั่งยืน ครบวงจร ผมได้มอบหมายคณะทำงานคอยติดตามสถานการณ์ในด้านผลผลิต และด้านความต้องการใช้ รวมทั้งปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อให้ระดับราคาปาล์มมีเสถีรภาพและต่อเนื่อง ”พล.อ.ประวิตร กล่าว
นอกจากนี้ ในการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ซึ่งถือเป็น”น้ำมันบนดิน” ที่นำน้ำมันปาล์มดิบ ไปผลิตเป็นไบโอดีเซลหรือบี 100 นำมาผสมในน้ำมันดีเซล 10 % นั้น นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และแก้ปัญหาปาล์มล้นตลาดแล้ว ยังเป็นการช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้อีกทางหนึ่ง และยังลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ด้วย
ดังนั้น นโยบายดีเซลB 10 จะช่วยสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มในปี 2563 นี้ และเป็นไปได้อย่างยั่งยืนแน่นอน ภายใต้การดูแลของกนป. ที่บูรณาการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ที่จะดำเนินนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน
