"สนธิรัตน์" แนะโรงสกัดน้ำมันปาล์ม เร่งพัฒนาคุณภาพ หวังส่งออกบี 100 ป้อนตลาดจีน
“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่ จ.กระบี่ ขอโรงสกัดน้ำมันปาล์ม ร่วมมือรัฐคุมลักลอบนำเข้า “ซีพีโอ” พร้อมพัฒนาคุณภาพเพิ่มมูลค่าปาล์มระยะยาว เล็งโอกาสส่งออก บี100 ป้อนตลาดจีน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและชมกิจการโรงสกัดน้ำมันปาล์มของบริษัท ป.พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์ 2 จำกัด ที่จ.กระบี่ วันนี้(29 ม.ค.) โดยยืนยันว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจะดูแลเสถีรภาพราคาปาล์มปีนี้ ไม่ให้ต่ำกว่า 4 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้เกษตรกรแข็งแรง โดยจะร่วมมือกับโรงสกัดน้ำมันปาล์มป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิย(CPO) ตลอดจน ส่งเสริมการปลูกปาล์มอย่างเหมาะสม เพื่อดูแลอุตสาหกรรมปาล์มทั้งระบบ
“ครั้งนี้ ตั้งใจเอาบี10 เป็นตัวตั้ง ให้โรงงานแข็งแรง เกษตรกรแข็งแรง และรัฐจะเอาบล็อกซ์เชนมาใช้ตลอดสายตรวจสอบที่มาของ CPO ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และผมอยากเห็นโรงงานดี เกษตรกรดี แล้วจับคู่กันให้เกิดการส่งเสริมโรงไฟฟ้า โดยไม่มีการมาขอจัดตั้งโรงไฟฟ้า แต่การจัดตั้งโรงไฟฟ้าได้จะต้องแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างรายได้กลับคืนสู่เกษตรกร ”
อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้ ตนจะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อเจรจาความร่วมมือระดับประเทศระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงาน ที่ทางจีนเองเป็นผู้นำหลายเรื่องที่จะรับมือกับ Disrup ด้านพลังงาน เช่น โซลาร์เซล์ รวมถึงความเชื่อมโยงซื้อขายไฟฟ้าจากจีนตอนใต้ ผ่านลาว เข้าประเทศไทย อีกทั้ง เห็นโอกาสจากความต้องการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100%(บี100) ที่จีนจะมีนโยบายส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล ดังนั้น ไทยจะต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกบี100 ไปยังจีน ซึ่งจะเป็นแนวทางที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มในระยะยาว แต่จะต้องไปดูเรื่องของการพัฒนาคุณภาพบี100 และราคาให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ให้ได้ก่อน ซึ่งหากดำเนินการได้อุตสาหกรรมปาล์มก็แข็งแรง
ดังนั้น จึงได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการโรงสกัดน้ำมันปาล์มเร่งพัฒนาเทคโนโลยี และต่อยอดสู่การผลิตไบโอชีวภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าปาล์มในอนาคตด้วย
ด้านนายสมชาย ประชาบุตร กรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบ บริษัท ป.พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์ 2 จำกัด กล่าวว่า
ปัจจุบัน บริษัท รับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 6.50-6.70 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับคุณภาพของปาล์ม โดยปี2562 ได้มีการสกัดCPO อยู่ที่ปริมาณ 3.5 แสนตัน ขณะที่ปี2563 คาดว่าผลปาล์มจะหายไป50% จากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตน้อยและเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มต่ำลง ซึ่งการที่รัฐส่งสัญญาณส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล บี10 เป็นเกรดพื้นฐานของดีเซล เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาปาล์มนั้น จะทำให้เกิดความต้องการใช้CPO เพิ่มขึ้น และทางโรงสกัดฯจะบริหารจัดการ การผลิตCPO ให้เพียงพอกับความต้องการใช้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแนวทางการพัฒนาพลังงานทดแทนผลิตชีวมวลที่เกิดจากการสกัดน้ำมันปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า จากหม้อไอน้ำ ทำให้ปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าในโรงงานได้เอง 100% และยังมีการนำน้ำเสียจากกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มเข้าสู่ระบบไบโอแก๊สเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ขายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ปริมาณ 3 เมกะวัตต์ ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัท ได้เตรียมความพร้อมที่จะยื่นเสนอเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ในรูปแบบโครงการนำร่อง(Quick win) ด้วย ซึ่งหากโครงการนี้ สามารถขายไฟฟ้าก็จะทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้ที่มั่นคงขึ้น และปัจจุบัน บริษัทก็มีความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่อยู่แล้ว จึงมั่นใจว่า จะเข้าเงื่อนไขการลงทุนตามกรอบที่ภาครัฐกำหนดไว้