ผู้เชี่ยวชาญยัน 'หวัดนกH5N1' ไม่ผสมข้ามสาย 'ไวรัสโคโรน่า'
ไทยเตรียมแผนทางการแพทย์พร้อมดูแลคนไทยกลับจากอู่ฮั่น เผยข่าวดีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า รักษาหายออกจากรพ.อีก 1 ราย ส่วนเชื้อไข้หวัดนกจะไม่ผสมข้ามสายพันธ์กับไวรัสคโรน่า
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขนัดพิเศษในวันหยุดว่า ในทางการแพทย์มีการเตรียมที่จะรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่น โดยจะมีทีมบุคลากรทางการแพทย์เดินทางไปด้วยประมาณ 8 คน มีแพทย์ทางด้านฉุกเฉิน แพทย์ระบาด จิตแพทย์ และพยาบาลพร้อมกับเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยก็จะทำตามมาตรฐานทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม หวังว่าพี่น้องคนไทยที่เดินทางกลับมาจะไม่ป่วย เพราะก่อนที่คนไทยเราจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศจีน จะต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดก่อนว่าปราศจากอาการไข้ จึงจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่น แต่ตามหลักการและมาตรฐาน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องแยกตัวเป็นระยะเวลา 14 วันตามระยะเวลาการฟัก ส่วนสถานที่นั้นรอหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี แต่มีการเตรียมไว้แล้ว 3-4 แห่ง
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงได้ระดมสรรพกำลังจากทุกกรมในสังกัดเพื่อให้การดูแลประชาชน โดยในสัปดาห์หน้ากรมอนามัยจะเป็นหน่วยงานหลักในการทำบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ส่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก็ระดม อสม.กว่า 1 ล้านคนในการให้ความรู้ในการป้องกันตนเองจากโรคดังกล่าวให้กับประชาชนได้ทราบ ส่วนอุปกรณ์ป้องกันตัวต่างๆ ทั้งหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือมีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ท่านรองนายกฯ ได้สั่งองค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตเจลล้างมือเพิ่มด้วย
ก่อนหน้านั้น เวลา 13.30 น. นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ในฐานะผู้บัญชาการของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน แถลงข่าวสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้รายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม 19 ราย รักษาหายเพิ่มและออกจากโรงพยาบาลได้อีก 1 ราย รวมเป็นผู้ที่รักษาหายแล้วทั้งหมด 8 ราย ยังอยู่ระหว่างการรักษา 11 ราย ทุกรายมีอาการดีขึ้น ส่วนผู้เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค เมื่อวันที่ 1 ก.พ.พบเพิ่ม 38 ราย รวมเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมตั้งแต่ 3 ม.ค.- 1 ก.พ.2563 อยู่ที่ 382 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 40 ราย มาที่รพ.เอง 332 ราย และแจ้งผ่านมัคคุเทศก์และศูนย์รับแจ้งผู้ป่วย 10 ราย ทั้งนี้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 71 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงเฝ้าระวังในสถานพยาบาล 311 ราย
การควบคุมป้องกันโรคในส่วนของคนขับแท็กซี่ขอให้มีหน้ากากอนามัยติดไว้อย่างน้อย 2 แผ่น 1 แผ่นใช้เอง และอีกแผ่นเพื่อหากพบผู้โดยสารมีอาการไอ จาม และควรเจลล้างมือติดรถไว้ด้วย ทั้งนี้ขอให้หมั่นทำความสะอาดรถทั้งภายในและภายนอก โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาด ส่วนสหกรณ์แท็กซี่สามารถใช้ผงคลอรีนละลายน้ำมาใช้ทำความสะอาดรถแท็กซี่ด้วย
อย่างไรก็ตามหากเจอผู้โดยสารไอ จาม ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อระบายอาการ หรือเวลาที่จอดรถเพื่อทำกิจวัตรอย่างอื่นก็ขอให้เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศทิ้งไว้ด้วย ส่วนประชาชนทั่วไปขอให้สวมหน้ากากอนามัย คนที่ไม่ป่วยให้ใช้แบบผ้าที่สามารถซักใช้ซ้ำได้ ส่วนคนป่วยให้ใส่ชนิดที่เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ไม่ต้องถึงขั้นใช้หน้ากาก N95 เพราะชนิดนี้เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์
ด้าน รองศาสตราจารย์(พิเศษ)นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่มีการรับผู้ป่วยชาวจีนเข้ารับการรักษาตัว แล้วตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ ทางแพทย์จึงให้ออกมาอยู่นอกห้องแยกโรค แต่ผลตรวจภายหลังกลับพบว่ามีเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019ว่า กรณีการตรวจไม่พบเชื้อฯ ครั้งแรกอาจจะเป็นเพราะ 1.ตอนที่ตรวจคนไข้มารพ.ด้วยโรคอื่น แล้วเชื้อตัวนี้ยังอยู่ในระยะฟักตัว จึงทำให้ตรวจไม่พบ 2.การเก็บตัวอย่างเชื้อไม่ดีพอ ซึ่งในทางการแพทย์พบปัญหานี้ค่อนข้างบ่อย สิ่งที่ต้องการคือการเก็บเสมหะในลำคอ หากเก็บไม่ดีจะได้เพียงน้ำมูก ขณะนี้ผู้ป่วยและคนที่สัมผัสอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ 14 วันแล้ว อาการดขึ้นและยังไม่มีความผิดปกติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในสัตว์ในเมืองหูหนาน พื้นที่ใกล้กับเมืองอู่ฮั่น จะมีการผสมกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019ได้หรือไม่ รองศาสตราจารย์(พิเศษ)นายแพทย์ทวี กล่าวว่า เชื้อ H1N5 กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019เป็นคนละกลุ่มที่ไม่สามารถผสมกันได้ อีกทั้งตอนนี้ H5N1 ในจีนยังเป็นการพบในสัตว์ ยังไม่ได้ระบาดมาสู่คน แต่ทางการจีนได้มีการทำลายสัตว์ปีก พร้อมทั้งทำความสะอาดไปแล้ว ทั้งนี้ในอดีตที่มีการระบาดของไข้หวัดนกถือว่าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง อัตราการเสียชีวิตในคน อยู่ที่ 60% แต่การแพร่กระจายโรคไม่ง่าย เพราะเป็นแล้วเสียชีวิตก็เผาเลย