'จ่าประสิทธิ์' หวั่นนอนคุก อุทธรณ์ยืนคดีรับของโจร ขณะทหารสลายชุมนุม นปช.
ยื่น 7 แสนขอประกันสู้ชั้นฎีกา "จ่าประสิทธิ์" อดีตส.ส.เพื่อไทย ทำใจหวั่นนอนคุก หลังอุทธรณ์ยืนคดีรับของโจร ขณะทหารสลายชุมนุม นปช. ปี 53
ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1937/2560 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ" อายุ 53 ปี อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 15, 42 และรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
กรณีเมื่อวันที่ 22 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถจำเลย พบมีเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยปราบจราจลซึ่งเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์โดยมิได้รับอนุญาต ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าทหารปฏิบัติการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. และขณะที่ ส.อ.ชนะยุทธ คมสาคร สังกัดกองทัพภาค 1 กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนร้ายมากกว่า 3 คนขึ้นไปร่วมกันใช้คันธงยาว 1 เมตร ตีประทุษร้ายและแย่งชิงหมวกนิรภัยปราบจลาจลราคา 3,745 บาท ที่ ส.อ.ชนะยุทธ ครอบครองที่ศีรษะไปโดยทุจริต เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่แขวง - เขตดุสิต กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ต.ค.61 ให้จำคุก "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" จำเลย ฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 เป็นเวลา 1 ปี และจำคุกฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ฯ อีก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา)
ซึ่งวันนี้ "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" จำเลย ที่ได้ประกันตัวชั้นอุทธรณ์ 200,000 บาท เดินทางมาศาลกับภรรยา และทนายความ พร้อมฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์
ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์" วินิจฉัยแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ซึ่งหมวกนิรภัยและเสื้อเกราะที่จำเลยรับไว้นั้นได้มาจากการแย่งชิงจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ จำเลยไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันตัวตามที่อ้าง อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยขอให้รอลงอาญานั้น ศาลอุทธรณ์พิจารณาพฤติการณ์ชุมนุมที่ปรากฏข่าว ทราบโดยทั่วไปว่ามีการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสของเจ้าหน้าที่ มิใช่มีแต่ผู้ชุมนุม ไม่ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน จำคุก 2 ปีไม่รอการลงโทษ
โดยหลังฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" จำเลย เปิดเผยว่า จะขอสู้คดีในชั้นฎีกาต่อ โดยเตรียมหลักทรัพย์มา 700,000 บาทเพื่อขอประกันตัวซึ่งศาลจะพิจารณาอย่างไร กำหนดวงเงินเท่าใดเป็นดุลยพินิจ ซึ่งหากการยื่นประกันสุดท้ายแล้วจะต้องส่งให้ศาลสูงพิจารณาคำร้องที่อาจจะส่งผลให้วันนี้ตนอาจต้องเข้าเรือนจำก่อน ตนก็ทำใจไว้แล้ว