ชัตดาวน์ 'อู่ฮั่น' เลี่ยงไวรัส ป่วน 'สายการผลิต' โรงงานโลก
ชัตดาวน์อู่ฮั่นเลี่ยงไวรัสป่วนสายการผลิตโรงงานโลก ขณะบริษัทในมณฑลหูเป่ย์ขยายวันหยุดตรุษจีนไปจนถึงวันที่ 13 ก.พ. ถือเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจที่บอบช้ำจากผลกระทบของการทำสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ได้ไม่นาน ทางการจีนได้สั่งปิดเมืองนี้ทันที ส่งผลให้ภาคธุรกิจพลอยได้รับผลกระทบ จำเป็นต้องยุติสายการผลิตตามไปด้วย และในฐานะที่เมืองอู่ฮั่นเป็นฐานการผลิตของบริษัทจากทั่วโลกรวมทั้งบริษัทสัญชาติจีน การยุติการผลิตในเมืองนี้จึงไม่ต่างจากการระงับสายการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยี
เมื่อโรงงานผลิตของโลกยุติสายการผลิตชั่วคราว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความวิตกกังวลว่าการชะลอตัวลงของภาคการผลิตของจีนจะส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก ทำให้การค้าทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนได้ และขณะนี้เมืองอู่ฮั่นมีสภาพไม่ต่างจากเมืองร้าง โรงงานผลิตรถยนต์ยุติสายการผลิต เช่นเดียวกับโรงงานผลิตสินค้าไฮเทคทั้งหลาย ส่วนประชาชนชาวเมืองก็อยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งเหมือนช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
บริษัทต่างๆในกรุงปักกิ่งและในนครเซี่ยงไฮ้พากันขยายวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนไปถึงวันที่ 9 ก.พ.ส่วนบริษัทในมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองอู่ฮั่น ตัดสินใจขยายวันหยุดช่วงตรุษจีนไปจนถึงวันที่ 13 ก.พ. ถือเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจในจีนที่บอบช้ำอยู่แล้วจากผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อยาวนาน
คณะกรรมการด้านสาธารณสุขแห่งชาติของจีน แถลงวานนี้ (4ก.พ.)ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าเพิ่มเป็น 425 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น20,438 ราย มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนซึ่งเปิดการซื้อขายวันจันทร์(3ก.พ.)วันแรกทรุดตัวลงอย่างรุนแรง
มณฑลหูเป่ย์ เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งและเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางธุรกิจของจีน ทำรายได้ให้รัฐบาลกลางจีนในสัดส่วนกว่า 4% ของรายได้โดยรวม ขณะที่หน่วยงานที่เป็นคลังสมองของรัฐบาลจีน คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะทำให้จีดีพีที่แท้จริงของจีนในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ร่วงลงประมาณ 5% จากประมาณ 6% ในช่วง3เดือนก่อนหน้านี้ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยยะ
บรรดาโรงงานผลิตในมณฑลหูเป่ย์ ผลิตรถยนต์เมื่อปี 2561 จำนวน 2.42 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของผลผลิตรถยนต์โดยรวมของจีนและมากกว่าที่ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักรและไทยผลิตได้ อีกทั้งบรรดาผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตั้งฐานการผลิตในเมืองอู่ฮั่นมีจำนวนกว่า 500 แห่ง
นอกจากนี้ อู่ฮั่น ยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของนโยบาย“เมด อิน ไชนา 2025” ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของรัฐบาลและสนับสนุนให้เป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เน้นเทคโนโลยีระดับสูง โดยชิงหัว ยูนิกรุ๊ป ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ เป็นบริษัทจีนแห่งแรกที่ผลิตหน่วยความจำแฟลช 3D NAND ปริมาณมากในอู่ฮั่น และบีโออี เทคโนโลยี กรุ๊ป ซึ่งรัฐบาลจีนให้การสนับสนุน ผู้ผลิตจอแสดงผลก็ตั้งฐานการผลิตในเมืองนี้เช่นกัน
“มาร์ค วิลเลียม” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภาคพื้นเอเชียของแคปปิตอล อีโคโนมิกส์ บริษัทวิจัยชื่อดัง ให้ความเห็นว่า ในช่วงปี2546 ที่ผล
กระทบจากโรคซาร์สส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจจีน จีดีพีของจีนในช่วงดังกล่าวหดหายไปถึง 3% หรือหดจากอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 8% เหลือเพียง 5% ในช่วงที่มีการระบาดหนัก แต่ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดในขณะนี้คือการชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งหลังจากช่วงวันหยุดตรุษจีนแล้ว ทางการเซี่ยงไฮ้ยังประกาศให้บริษัทเอกชนยุติการดำเนินการต่ออีก 1 สัปดาห์
พร้อมทั้งคำสั่งควบคุมพื้นที่ห้ามเข้า-ออกใน 20 เมืองใหญ่ยังคงมีอยู่ เช่นเดียวกับการบริการรถโดยสารและรถไฟความเร็วสูงเส้นทางไกลๆ หลายสายยังคงระงับให้บริการเป็นการชั่วคราว รวมทั้งร้านอาหาร-ภัตตาคาร ตลอดจนโรงภาพยนตร์จำนวนมากเลือกที่จะปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว และผู้คนทั่วไปก็หลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ยอดการเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟของคนจีนในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนลดลงถึง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
ขณะที่การเดินทางทางด้วยรถยนต์ลดลง 25% ทำให้มีความเป็นไปได้มากที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จะสูงกว่าเมื่อครั้งการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ตามที่นักวิเคราะห์และบรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กัน
แต่คนงานตามโรงงานที่ยุติสายการผลิตในเมืองอู่ฮั่นจำนวนมาก มีความเห็นตรงกันว่า แม้โรงงานของพวกเขาจะกลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้ง แต่การผลิตก็จะไม่เหมือนเดิมอีก เพราะการจัดซื้อชิ้นส่วนกระจายไปตามเมืองต่างๆ อีกทั้ง การที่คนงานไม่ได้รับอนุญาติให้ออกจากบ้าน ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้สายการผลิตของโรงงานจำนวนมากไม่สามารถกลับมามีกำลังการผลิตได้เท่าเดิมเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้อีก
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เอฟ-เทค บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในเครือฮอนด้า มอเตอร์ ตัดสินใจที่จะผลิตแป้นเบรครถยนต์ในฟิลิปปินส์แทนที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองอู่ฮั่น อีกทั้งผู้บริหารระดับสูงของฮอนด้า ยังคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการผลิตโดยรวมของจีนอาจจะได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ บริษัทจึงจำเป็นต้องมองหาทางเลือกอื่นในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์นอกประเทศจีน
ส่วนบริษัทแกสกู ออโต้ รีเสิร์ช อินสติติว บริษัทวิจัยระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ยอดขายรถยนต์นั่งโดยสารในปี 2563 อาจจะลดลง 3%-6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ขณะที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีนยังคงเปิดโรงงานผลิตชิปต่อไป เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีของจีนบางแห่งที่ยังดำเนินการผลิตชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะเรียกร้องให้หยุดการทำงานในหลายเมืองและหลายจังหวัด เนื่องจากรัฐบาลพยายามหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า ที่มียอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากจะเดินสายการผลิตต่อแล้ว หัวเว่ย ยังให้ความช่วยเหลือเพื่อต้านไวรัสโคโรนาด้วยการจับมือโอเปอเรเตอร์ในมณฑลหูเป่ย์ เปิดให้บริการสถานีฐาน 5จี ที่โรงพยาบาลลอู่ฮั่น วัลแคน เมาท์เทน ซึ่งรองรับผู้ป่วย 1,000 เตียง บนพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ซึ่งรัฐบาลจีนกำหนดให้ก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 วัน และโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้ ใช้รูปแบบการก่อสร้างเดียวกับโรงพยาบาลเป่ยจิง เสี่ยวทังซาน ที่ใช้เวลาก่อสร้างแค่ 7 วันเมื่อปี 2546
อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!