การเงิน
ธปท.ชี้ Policy space ยังเหลือ พร้อมใช้ หากผลกระทบต่อเศรษฐกิจมีมากกว่าคาด
ธปท.ย้ำ ยังมีขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน หากผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจมีมากกว่าคาดการณ์ แต่ดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือเดียวในการแก้ปัญหา ต้องประสานความร่วมมือทุกฝ่าย เพื่อเร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ และลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินหรือ Policy space มีเพียงพอ และยังมีความสามารถในการใช้ได้อีก หากสถานการณ์ต่างๆ กระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
แต่สิ่งที่ต้องตระหนักคือ ไม่มีเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งที่รักษาผลกระทบต่างๆได้เพียงเครื่องมือเดียว หรือเป็นมาตรการเดียว สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ดังนั้นจำเป็นที่ต้องประสานความร่วมมือ และอาศัยการใช้หลายเครื่องมือ ทั้งจากนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และสถาบันการเงินให้มีบทบาทในการเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากไวรัสโคโรนา ภัยแล้งและ จากการเบิกจ่ายงบของภาครัฐที่ล่าช้า
โดยเฉพาะผลกระทบจาก ไวรัสโคโรนา ที่จำเป็นที่ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ และลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือการเข้าไปเร่งปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก และให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงการให้สินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
"วันนี้เรายังมี polilcy space ทั้งดอกเบี้ยนโยบาย และเครื่องมืออื่นๆอีก หากสถานการณ์ต่างๆแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ต้องตระหนักว่า การลดดอกเบี้ย การช่วยดูแลผลกระทบได้ไม่ตรงจุด โดยเฉพาะจุดที่ต้องแก้ไขอย่างทันที และมีผลข้างเคียงที่ไม่พึ่งประสงค์อีกมากที่จะตามมา ดังนั้น ต้องอาศัยหลายเครื่องมือ และการประสานความร่วมมือ ในการเข้ามาช่วยเหลือผลกระทบเหล่านี้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยลง 0.25% ที่ผ่านมา ทำให้ดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 1% และคนอาจมองว่าเราตื่นตระหนกไปหรือไม่ เพราะเราปรับนโยบายลงเป็นประเทศแรก จากผลกระทบไวรัส ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่ใช่จุดพีค ซึ่งเหล่านี้เราต้องให้ความสำคัญ และมองหลาย scenario ไม่มีใครมองออกว่าผลกระทบจะหยุดแค่ไหน แต่หากเราไม่ตั้งรับ หรือตั้งรับช้าเกินไป แล้วผลกระทบเป็นวงกว้าง ก็อาจแก้ไขยากในอนาคต ดังนั้นเราต้องเทคเอกชั่นให้เร็ว"