‘แม็ค’เร่งขยายฐานลูกค้า ชูบิ๊กดาต้าเชื่อมออนไลน์
แม็คกรุ๊ป เดินเกมรุกงัด “บิ๊กดาต้า” เชื่อมออฟไลน์-ออนไลน์ เร่งขยายฐานลูกค้า หลังผลงานไตรมาส 2 ปี 63 กำไรพุ่ง 20% รายได้เติบโต 12% ทำนิวไฮในรอบ 3 ปี ย้ำสัญญาณเทิร์นอะราวด์ สวนกำลังซื้อ-เศรษฐกิจฝืด
นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจขณะนี้่มีความท้าทายรอบด้าน ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สงครามการค้า กำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง การขับเคลื่อนธุรกิจมุ่งการบริหารจัดการทุกอย่างให้ดีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ สร้างแบรนด์แวลู (Brand Value) เพิ่มขึ้น คัดสรรสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจแข็งแรง และเติบโตอย่างยั่งยืนได้
แนวทางดังกล่าวเป็นนโยบายหลักของแม็คกรุ๊ป ซึ่งที่ผ่านมายังได้มีการจัดทัพเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพื้นฐานธุรกิจ และยกระดับแบรนด์แม็คยีนส์ ผ่านกลยุทธ์ “4C” ประกอบด้วย 1.Customer-centric and Data-driven Approach โดยดึง บิ๊กดาต้า (Big Data) ที่สะสมมากว่า 45 ปี วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ผู้บริโภค เพื่อออกแบบ พัฒนาสินค้าใหม่ได้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และสอดรับเทรนด์ยุคปัจจุบัน
2.Customer Base Expansion สร้างประสบการณ์ชอปปิงรูปแบบใหม่ ด้วยการเชื่อมต่อออฟไลน์ที่มีกว่า 600 จุดขาย ในปัจจุบันเข้ากับออนไลน์ (O2O)อย่างไร้รอยต่อ ขยายความร่วมมือพันธมิตรแบรนด์ใหม่ๆ และใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer) กระตุ้นการรับรู้และจดจำแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 3.Connected Supply-chain บริหารจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และ 4.Captivated Brand Experience สร้างประสบการณ์ที่ดีในแบรนด์สินค้า ผ่านคอนเซปต์ Authentic Chic
องค์ประกอบดังกล่าว ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 2563 (1ต.ค. -31ธ.ค.2562) มีรายได้จากการขายสินค้าและอัตรากำไรสุทธิ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ในอัตรา 9.4% โดยเฉพาะร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-Standing Shop) เพิ่มขึ้น 18.4% ยอดขาย 671 ล้านบาท ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เพิ่มขึ้น 9.4% ยอดขาย 368ล้านบาท และร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้น 41.3% ยอดขาย 94 ล้านบาท ผลักดันรายได้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีต่อเนื่อง และรักษาอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 14-16%
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น รักษาระดับอยู่ที่ 58% เท่ากับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า อีกทั้งบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้จากการขาย อยู่ที่ 36.5% ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 39.5% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเป็น 19.8% จาก 18.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
“รายได้และอัตรากำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี สวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดค้าปลีกที่ชะลอตัว สะท้อนสัญญาณเทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจน”