เผยนาทีชีวิต 'อรินทราช 26' สละชีพ จบภารกิจ 'กราดยิงโคราช'

ย้อนรอยนาทีชีวิต '2 ตำรวจผู้กล้า' ในนามหน่วย 'อรินทราช 26' กับภารกิจใหญ่ซึ่งมีชีวิต ประชาชนเป็นเดิมพัน
เหตุกราดยิงโคราช จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศ และกลายเป็นประเด็นข่าวถูกนำเสนอไปทั่วโลกนั้น
เบื้องหลังการปิดเกม คือ การปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ในที่สุด โดยเฉพาะความยากลำบากของการเข้าทำภารกิจของ "หน่วยอรินทราช 26" ซึ่งต้องเข้าปะทะกับผู้ก่อเหตุ
จากข้อมูล ที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเบื้องต้นว่า อาวุธของทางราชการที่ถูก จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา นำออกมาใช้ก่อเหตุจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่
1. จากป้อมรักษาการณ์ : ปืนเล็กยาว 11 (HK) จำนวน 1 กระบอก และกระสุน 5.56 จำนวน 40 นัด
2. จากกองร้อย (คลังอาวุธ) : ปืนเล็กยาว 11 (HK) จำนวน 1 กระบอก และปืนกล M60 จำนวน 1 กระบอก
3. จาก บก.พันฯ : รถยนต์บรรทุก 51บี
4. จากคลังกระสุนกองพันฯ : กระสุน 5.56 จำนวน 736 นัด
นั่นกลายเป็นความยากลำบากในการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ และนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วย อรินทราช 26 ที่ได้เผชิญหน้ากับ ผู้ก่อเหตุ ภายในห้องเย็นของห้างเทอร์มินอล 21 ก่อนจะถูกยิงสวนออกมาด้วยปืนกล M60 กระสุนทะลุโล่เกราะเป็นเหตุให้ ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย เสียชีวิตในหน้าที่
รายงานดังกล่าวแจ้งว่า การยิงปะทะกับผู้ก่อเหตุเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการยิงตอบโต้ เนื่องจากที่ตัวผู้ก่อเหตุได้มีการติดระเบิดเอาไว้ อาจทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถใช้แก๊สน้ำตาหรือดับไฟในห้าง เพราะมีประชาชนติดอยู่ในห้างจำนวนมากอาจจะทำให้พวกเขาโดนลูกหลงไปด้วย
ตัวแปรสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ปืนกล M60 ที่ผู้ก่อเหตุครอบครองอยู่และใช้ตอบโต้เจ้าหน้าที่
จากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับปืนรุ่นนี้เป็นปืนที่ขีดความสามารถในการทำลายล้างเป้าหมายสูง โดยที่เป้าหมายเป็นกลุ่มก้อนและมีความแม่นยำ เป็นอาวุธที่ยิงสนับสนุนพลปืนเล็กด้วยการยิงอย่างหนาแน่น และต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และเวลาเข้าตีสามารถยิงระยะไกล ยิงป้องกันระยะใกล้ และยิงป้องกันได้อีกด้วย
แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญนั้น ไม่วัาจะเป็นระเบิดที่ติดตัวผู้ก่อเหตุ หรือความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในห้าง ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้วิธี “ล่อเป้า” ให้ผู้ก่อเหตุยิงมาทางเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว ถึงจะรู้ว่านี่เป็นวิธีที่เสี่ยงอย่างมาก เพราะอาวุธที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้นคือ ปืนกลหนักที่สามารถยิงเจาะเกราะได้
แม้จะรู้ว่าโล่ที่ถืออยู่ในมืออาจไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนักเมื่อต้องเจอกับกระสุนที่สามารถทะลวงผิวรถถังได้ แต่เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 ก็จำเป็นต้องดำเนินภารกิจให้ลุล่วงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การสละชีพของร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษาแล ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย เสียชีวิตในหน้าที่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะวิสามัญคนร้ายได้ในที่สุด
นี่ถือเป็นอีกครั้งที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างกล้าหาญ เพื่อยุติโศกนาฏกรรมที่มีแนวโน้มว่า จะยิ่งเลวร้ายลงหากปล่อยให้สถานการณ์ปลายบานไปกว่านี้
แน่นอนว่า ทุกการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ในสถานการณ์เฉพาะหน้านั้นย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่อาจจะเกิดความเสี่ยงต่อชีวิตขึ้นได้ในทุกกรณี เพื่อออกแบบทางเลือก และวิธีปฏิบัติงานที่ดีที่สุดในขณะนั้น แม้ต้องแลกกับชีวิตของตัวเองก็ตาม
ขอสดุดีในความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านมา ณ ที่นี้