ไวรัสระบาดฉุด 'เอโอที' ดิ่ง ระยาวยาวยังแจ่ม-รับดิวตี้ฟรีใหม่

ไวรัสระบาดฉุด 'เอโอที' ดิ่ง ระยาวยาวยังแจ่ม-รับดิวตี้ฟรีใหม่

ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ผลประกอบการดีเกินคาด สำหรับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เจ้าของสัปทานสนามบิน 6 แห่งของประเทศ

โดยงบฯ ที่ประกาศออกมาเป็นงวดไตรมาส 1 ปี 2562/2563 เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.–ธ.ค. 2562 ซึ่งโตล้อไปกับภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19

เปิดงบฯ ดูพบว่าฟันกำไรสุทธิไป 7,334.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 959.09 ล้านบาท หรือ 15.04% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 3.19% แตะ 36.72 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 22.19 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศอีก 14.53 ล้านคน รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยเฉพาะการขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า VOA ให้นักท่องเที่ยว 19 ประเทศ

ประกอบกับบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการซ่อมแซมและบำรุงรักษาที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส ขณะที่จำนวนเที่ยวบินไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อย 1.12% หลังสายการบินต้นทุนต่ำหันไปทำตลาดระหว่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า หนุนคนไทยแพ็คกระเป๋าออกไปเที่ยวต่างประเทศกันเยอะ นอกจากนี้ ยังมีรายการพิเศษจากการกลับรายการหนี้สินจากการตั้งสำรองคดีความที่ไม่เกิดขึ้นเข้ามาอีก 523 ล้านบาท

แม้ภาพรวมผลประกอบการจะดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่การระบาดของไวรัสโคโรนากำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญกดดันการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ หลังสถานการณ์ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างออกไปในหลายประเทศ จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรคระบาด

เมื่อเศรษฐกิจจีนถูกเล่นงานจากเชื้อไวรัสก็สะเทือนไปทั้งโลก ประเทศไทยในฐานะที่เป็นคู่ค้าสำคัญ และพึ่งพาเศรษฐจีในหลายมิติจึงโดนผลกระทบไปด้วย ที่เห็นได้ชัดๆ คือ ภาคการท่องเที่ยว ลังรัฐบาลจีนสั่งห้ามบริษัททัวร์นำท่องเที่ยวออกนอกประเทศ ทำให้กรุ๊ปทัวร์จีนเที่ยวไทยถูกยกเลิกทั้งหมด ส่วนที่แบ็คแพคมาเที่ยวกันเองก็ลดลงเช่นกัน

บรรดาสายการบินต้องปรับไฟล์ทบินกันใหม่ บางเส้นทางต้องหยุดให้บริการ เพราะหลายเมืองยังถูกปิดตาย ทำให้จำนวนผู้โดยสารชาวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักเบอร์ 1 ของไทยลดลงอย่างน่าตกใจ โดยมีข้อมูลว่า เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารของ ทอท. ลดลง -0.6% และ จำนวนเที่ยวบินลดลง -2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่เดือน ก.พ. ผลกระทบเริ่มมากขึ้น ตัวเลขระหว่างวันที่ 1-8 ก.พ. จำนวนเที่ยวบินลดลงถึง -11.8% ส่วนผู้โดยสารหายไปมากถึง -23.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อนับรวมตั้งแต่เดือน ต.ค. 2562 ถึงวันที่ 8 ก.พ. จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารของ ทอท. ลดลง -2.1% และ เพิ่มขึ้น 0.4% ตามลำดับ

ความกังวลต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น AOT กดราคาปีนี้ลดลงไปแล้วกว่า 6% และจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่น่าคลี่คลายง่ายๆ ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต้องออกมาทบทวนประมาณการณ์ผลประกอบการของบริษัทกันใหม่

158160577336

โดยบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ได้หั่นคาดการณ์ผู้โดยสารปีนี้ลงเป็นติดลบ -4.5% จากเดิมคาดโต 4% และคาดว่าผู้โดยสารจีนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 13% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดจะลดลงมากถึง 70-80% ประเมินว่าผู้โดยสารจะลดลงมากที่สุดในเดือน ก.พ. นี้ ราว 22% และเดือน มี.ค. คาดลดลง 18% ก่อนที่จะค่อยๆ ทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี

ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดกำไรสุทธิลงจากเดิม -12% เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท หรือ ลดลง 3% และปรับกำไรงวดปี 2563/2564 (ต.ค. 2563 – ก.ย. 2564) ลง -6% อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด 47% เพราะจะเริ่มรับรู้รายได้สัญญาใหม่จากคิงเพาเวอร์ รวมทั้งได้ผลบวกจากการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรอง (Satellite) สนามบินสุวรรณภูมิ

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับลดสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เป็นติดลบ 8% จากเดิมคาดโต 5% อย่างไรก็ตาม คาดว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะคุมสถานการณ์ได้ภายใน 4-5 เดือน และหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2563/2564 กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด 15% ประกอบกับเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้สัมปทานดิวตี้ฟรีใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิเข้ามาเต็มปี หนุนผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง ทำให้หุ้น AOT ยังคงน่าสนใจในระยะยาว