ไทยพัฒนา 'ยาชีววัตถุ' เพิ่มเข้าถึงลดการนำเข้า
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเมื่อปี 2552 ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้คนไทยได้รับยาที่มีคุณภาพ ในราคาที่ถูกลง ลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ถือเป็นผู้ผลิตยาบริษัทแรกของคนไทยที่ลงทุนพัฒนาและผลิต “ยาชีววัตถุ” (Biopharmaceuticals) เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยในช่วง 4 ปีแรกได้ทำการศึกษาแนวทางการทำงาน หาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ วางโครงสร้างและรากฐานที่มั่นคง พร้อมกับลงทุนสร้างโรงงานใหม่ บนเนื้อที่กว่า 37 ไร่ ณ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นศูนย์การวิจัยและผลิตยา
สำหรับเครือสยามไบโอไซเอนซ์ ประกอบด้วย 2 บริษัทหลัก คือ “บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด” (Siam Bioscience) ดำเนินการวิจัย พัฒนา และผลิตยา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ โดยมีการวิจัย พัฒนาและผลิตครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และ “บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด” (Apexcela) ตั้งขึ้นใน พ.ศ.2553 เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และการขายทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากเอกสารประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง เอกสารหลักฐานการขอขึ้นทะเบียนตำรับยาชีววัตถุคล้ายคลึง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2561) อธิบายว่า ยาชีววัตถุ หมายถึง ยาแผนปัจจุบันที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิตโดยกระบวนการเพราะเลี้ยงจุลินทรีย์ หรือเซลล์ชั้นสูง การสกัดจากเนื้อเยื่อสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์ สัตว์ และพืช เทคนิคดีเอ็นเอสายผสม เทคนิคการผสมพันธุ์ต่างๆ การขยายพันธุ์จุลินทรีย์ในตัวอ่อนหรือในสัตว์ การสกัดหรือแยกจากเลือดหรือพลาสมา หรือกระบวนการอื่นๆ
ดร.ทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบดอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวในงานแถลงข่าวเยี่ยมชมโรงงานผลิตยา ณ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ว่า ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำและโปรตีน ยาชีววัตถุ คือ โปรตีน แบบเดียวกับการทำงานในร่างกายซึ่งควบคุมระบบต่างๆ โดยตัวอย่างยาชีววัตถุ เช่น ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง สำหรับคนเป็นโรคไต เลียนแบบการทำงานของร่างกาย ผลข้างเคียงน้อย ประสิทธิภาพสูง
“นอกจากนี้ ยาชีววัตถุยังสามารถดัดแปลงโครงสร้าง สามารถเปลี่ยนแปลงโปรตีนต่างๆ ไปทำลายแค่เซลล์มะเร็งได้ เช่น ยามุ่งเป้า (Target Therapy) ซึ่งในอดีตถ้าให้ยาเคมีบำบัด ก็เหมือนระเบิดปูพรมที่ทำลายทุกเซลล์ทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ดี แต่หากให้ยาชีววัตถุไปรักษาที่เซลล์มะเร็ง ผลข้างเคียงน้อยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน กลับไปทำงานเร็ว ลดภาระทางสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ต้องอยู่ในโรงพยาบล ยาตัวนี้สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านั้นได้” ดร.ทรงพล กล่าว
- เพิ่มการแข่งขัน ลดราคายา 30-40%
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ 2 ตัวแรก ที่บริษัทฯ ผลิต ได้แก่ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้เอง และยาตัวที่ 2 คือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ โดยยาทั้ง 2 ตัวผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง สามารถบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลข้างเคียงต่ำ ซึ่งได้ทำการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ในบัญชียาของหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม มาแล้ว 4 ปี
ดร.ทรงพล กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เราภาคภูมิใจ คือ ทำให้ยาชีววัตถุมีคนเข้าถึงได้มากขึ้น เพราะมีการแข่งขันในตลาดมากขึ้น บริษัทที่นำเข้าเริ่มลดราคาลง ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงยากลุ่มนี้ได้มากขึ้นโดยไม่เป็นภาระทางงบประมาณของประเทศ สิ่งนี้เป็นประโยชน์และเราจะทำต่อไป
ด้าน ธวัชชัย พิเศษกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาที่เราผลิตขึ้น ใช้ในโรงพยาบาลและแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ทำการบริจาคให้ผู้ป่วยยากไร้ ที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงการรักษา ตามโรงเรียนแพทย์ และขอบชายแดน เราพยายามจะตอบสนองความคาดหวังทั้งแพทย์และบุคคลากรทางการแทพย์ ผู้ป่วยทุกคน ให้ได้เข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพ และเน้นทำตลาดในประเทศ ทำให้ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการแข่งขันในประเทศมากขึ้น มีผู้ป่วยจำนวนมากเข้าถึง และราคายาเพิ่มเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในประเทศลดลง 30-40% ปัจจุบัน บริษัทได้ทำการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา เมียนมา และศรีลังกา รวมถึงอยู่ในขั้นตอนการเตรียมส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนและเอเชียต่อไป
- ต่อยอดพัฒนายามุ่งเป้ามะเร็ง
จากการเติบโตของบริษัทที่ทำการวิจัย พัฒนา รวมถึงการผลิตขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ใน พ.ศ.2560 เครือสยามไบโอไซเอนซ์ จึงได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นอีก 2 บริษัท คือ “บริษัท เอบินิส จำกัด (Abinis)” โดยเน้นไปที่ยาบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โรคไต และ โรคแพ้ภูมิตนเอง เพื่อต่อยอดการผลิตยาชีววัตถุอย่างครบวงจร และ “บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด” (Inno-Biocosmed) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชีวเวชสำอาง ภายใต้มาตรฐานโรงงานระดับโลก ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล PIC/s GMP, ISO9001, ISO17025 ครอบคลุมกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ทั้งการคิดค้น ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา และจัดจำหน่าย
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้รับการไว้วางใจจากบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา เลือกให้เป็นที่ขยายการผลิตชุดตรวจโรคเอดส์เพื่อส่งออกไปยังทั่วโลกตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก WHO รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก ประเทศเยอรมัน ที่มาถ่ายทอดเทคโนโลยี ในการผลิตยาแก้ปวดที่ใช้กับผู้ป่วยผ่าตัด โดยคาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันทางบริษัทฯ ยังได้ทำงานรวมกับประเทศคิวบา ในการพัฒนายามุ่งเป้ามะเร็งแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้เซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขณะนี้อยู่ในระหว่างทดสอบกระบวนการผลิต รวมถึงการพัฒนายาเพิ่มเม็ดเลือดขาวรุ่นใหม่ สามารถฉีดเดือนละ 1 ครั้ง จากเดิมต้องฉีดทุกๆ 7-10 วัน โดยได้ทำตามมาตรฐานยุโรป ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำการศึกษาในมนุษย์ที่ออสเตรเลีย และพัฒนายารักษาโรคแพ้ภูมิตนเอง คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ทั้งหมดราวต้นปี 2565
“5 ปีที่ผ่านมา ตลาดยาชีววัตถุเติบโต 5 เท่าทั่วโลก เพราะคนต้องการใช้ยาพวกนี้มากขึ้น เนื่องจากผลข้างเคียงน้อย สิ่งหนึ่งที่เรามอง คือ ที่ผ่านมาแพทย์ไทย นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเก่งๆ ไปทำงานในต่างประเทศค่อนข้างเยอะ โรงงานนี้ จะพยายามทำให้คนเหล่านั้นกลับมาทำงานที่ไทย โรงงานนี้เป็นของขวัญจากพ่อเพื่อมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง”
“ทุกวันนี้ที่มีโรคภัยใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และความเจ็บป่วยไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่รวมถึงวัยหนุ่มสาวและเด็กจำนวนมากในโลกที่ต้องต่อสู้กับภาวะเจ็บป่วยโดยไม่มีโอกาสเข้าถึงยาและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่ความเป็นจริงการมีสุขภาพที่ดี เป็นความมั่นคงขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เพราะเมื่อคนมีความพร้อมทางร่างกาย ก็จะมีกำลังขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของประเทศชาติ ให้ก้าวนำไปข้างหน้าได้” นวลพรรณ กล่าวทิ้งท้าย