สำรวจตลาด 'หน้ากากอนามัย' ราคาพุ่ง 10 เท่า บนออนไลน์
การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้ราคาหน้ากากอนามัยแพงขึ้นต่อเนื่อง ผลสำรวจล่าสุดของ “ไพรซ์ซ่า” ระบุ ราคาพุ่งสูงสุด 10 เท่า ขณะที่ความต้องการเติบโตถึง 690%
ไพรซ์ซ่า เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าชื่อดัง เผยว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยังไม่ทันหาย โรคโควิด-19 ที่ทำคนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,000 คน ก็มาแพร่ระบาดซ้ำเติม ซึ่งหน้ากากอนามัยเป็นอุปกรณ์ป้องกันการติดต่อจากคนสู่คนที่เห็นผลมากที่สุด กลายเป็นสินค้าที่คนต้องการมากในตอนนี้ จนมีไม่พอขายและมีราคาที่สูงขึ้น
- ความต้องการเพิ่มขึ้นทวีคูณดันราคาแพงขึ้น
นอกจากนี้ ไพรซ์ซ่า เชื่อว่า หลายคนคงพอจะทราบถึงสถานการณ์ความลำบากในการหาซื้อกันดีอยู่แล้ว ไปร้านไหนก็หมด แม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศยังก็ไม่มีขาย แต่เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ไพรซ์ซ่ามีข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ตามข้อมูลปริมาณการค้นหาราคาหน้ากากอนามัยบนเว็บไซต์ไพรซ์ซ่าดอทคอม (Priceza.com) ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-11 ก.พ. 2563 พบว่า ปริมาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังที่แสดงในกราฟด้านล่าง
จากข้อมูลข้างต้น บ่งบอกถึงปริมาณการค้นหารวมในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 690% เมื่อเทียบระหว่างปี 2562 และปี 2563 สะท้อนปริมาณความต้องการมหาศาลของตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งสวนทางกับปริมาณสินค้าที่มีไม่พอขายในตลาด
แม้กระทรวงอุตสาหกรรมจะขอความร่วมมือจาก 10 โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย ให้เร่งผลิตใช้ภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง บางแห่งผลิตติดต่อกันตลอด 24 ชั่วโมง รวมแล้วกว่า 100 ล้านชิ้น แต่ดูเหมือนว่าก็ยังไม่เพียงพอที่จะให้ร้านค้าปลีกซื้อมาขายให้ผู้บริโภคได้
- ราคาหน้ากากอนามัยพุ่ง 10 เท่า
จากการสำรวจราคาล่าสุด จากร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าพร้อมขายบน Priceza.com ณ วันที่ 12 ก.พ. พบว่า ราคาหน้ากากอนามัยต่อกล่องบรรจุขนาด 50 ชิ้นสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 10 เท่ามีราคาขายปลีกเป็นรายชิ้นต่ำสุดชิ้นละ 6 บาทราคาสูงสุดชิ้นละ 15 บาท
ตัวอย่าง ราคาหน้ากากอนามัย Dura แบบ 3 ชั้น กล่องบรรจุ 50 ชิ้น จากร้านค้าออนไลน์บนไพรซ์ซ่าดอทคอม จากประวัติราคาสินค้าที่เก็บมาในปี 2562 จะอยู่ที่ 45-60 บาทต่อกล่อง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคา ณ วันที่ 11 ก.พ. ราคาในตอนนี้พุ่งไปสูงสุดถึงกล่องละ 120-650 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 10 เท่าเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำให้ราคาเพิ่มไปได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงาน ที่หมายรวมต้นทุนทั้งเรื่องทรัพยากรและแรงงานที่สูงขึ้น เลยส่งผลให้จำเป็นต้องขายราคาที่สูงขึ้นตามไปเพื่อรักษาสมดุลของกำไร
- ค้าปลีกไม่มีของขาย ร้านออนไลน์สต็อกเต็ม
หนึ่งสิ่งที่แปลกมากคือ ในขณะที่ร้านค้าปลีก ร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ แทบจะหาสินค้ามาขายไม่ได้ แต่บรรดาร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นร้านบน Shopee (ช้อปปี้) และ Lazada (ลาซาด้า) หรือว่าร้านค้าบนโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ค กลับมีสต็อกสินค้าพร้อมขายเป็นจำนวนมาก และขายในราคาที่สูงมากด้วยเช่นกัน เลยเกิดเป็นสมมติฐานว่า น่าจะมีการกักตุนสินค้าเกิดขึ้น
ไพรซ์ซ่าจึงลองไปสำรวจตาม กลุ่มซื้อ-ขายหน้ากากอนามัยบนเฟซบุ๊ค และในทวิตเตอร์ ย้อนไปดูตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ในช่วงไวรัสเริ่มระบาด พบว่า ราคาที่ถูกโพสต์ขายสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ และเริ่มมีการรับซื้อสินค้าหน้ากากอนามัยในหลักหมื่น หลักแสน ไปกระทั่งจนถึงหลักล้านชิ้น ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. เป็นต้นมา
สอดคล้องกับกราฟที่แสดงปริมาณการค้นหาของไพรซ์ซ่า ที่ปริมาณเริ่มทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้นพอดี ผนวกกับการที่ไพรซ์ซ่าได้อ่านบทความจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการเผยกระบวนการปั่นราคาหน้ากากอนามัย ยิ่งสนับสนุนให้สมมติฐานที่คิดไว้ว่าน่าจะมีการกักตุนสินค้า และปั่นราคาชัดเจนยิ่งขึ้น
- ผู้ซื้อควรทำอย่างไร ซื้อที่ไหนได้บ้าง
สำหรับคนที่ไม่สามารถหาซื้อตามร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อแถวบ้านได้ แล้วคาดหวังจะไปที่โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ขอให้หยุดความคิดนั้นได้เลย เพราะจากการสอบถามโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศ ส่วนใหญ่จะมีสัญญาซื้อกับบริษัทรับซื้ออยู่แล้ว และไม่มีนโยบายขายปลีกให้หน้าโรงงาน
ในเบื้องต้น หากหน้ากากอนามัยไม่มีขาย ประชาชนสามารถใช้หน้ากากผ้าเพื่อป้องกันโรคในเบื้องต้นได้ แม้ประสิทธิภาพการกันไวรัสจะน้อยกว่าแบบปกติ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรมาใช้เลย อีกทั้งข้อดีของหน้ากากผ้ายังสามารถซักล้างเอากลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อย แต่! ต้องซักให้สะอาด หรือแช่น้ำยาฆ่าเชื้อด้วย เพราะตามธรรมชาติไวรัสชนิดนี้จะติดต่อจากละอองฝอยจากการจามหรือไอ
หรือพูดง่าย ๆ ว่า ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสการไอ-จามได้ ก็จะไม่ติดโรค
แต่สำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ เช่น จำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง จำเป็นที่ต้องอยู่ใกล้คนที่เสี่ยง คงต้องจำใจถูกมัดมือชกซื้อจากร้านออนไลน์ที่ตอนนี้มีสต็อกอยู่เยอะมากในราคาสูงอยู่ดี
นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว ยังมีเจลล้างมือ สินค้าที่กำลังประสบปัญหาความต้องการสูง และราคาพุ่ง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเจลล้างมือแบบพกพาที่แทบจะขาดตลาด ณ ตอนนี้ ก็มียอดค้นหาเพิ่มขึ้นมากขึ้นถึง 6,110% และมีราคาสูงขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงสุดถึง 5 เท่า
ไพรซ์ซ่า ระบุว่า ไม่รู้ว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่ในตอนนี้ผู้บริโภคยังคงต้องแบกรับภาระจากราคาหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือที่สูงมากไปอีกสักพักใหญ่ ๆ อย่างไรก็ตาม การหาสินค้าทดแทน อาทิ หน้ากากผ้า หรือเจลล้างมือแอลกอฮอลล์ทำเองมาใช้ ก็น่าจะช่วยลดรายจ่ายในส่วนนี้ลงได้บ้าง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ราชกิจจาฯ ประกาศ ขายหน้ากากอนามัย ไม่เกินชิ้นละ 2 บาท