‘กองทุนบัวหลวง’จ่อปรับเป้าปีนี้ ผลกระทบ‘ไวรัสโคโรนา’
“บลจ.บัวหลวง” เผยปี63 ตั้งเป้า AUM โต 5% หรืออยู่ที่ 9.55 แสนล้านบาท แย้มอาจต้องทบทวนเป้าหมาย จากความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เตรียมออกกองทุนใหม่ 8-9 กองทุน แนะจัดพอร์ตลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในปี2563 อยู่ที่ 955,000 ล้านบาท เติบโต5% จากในปี2562 อยู่ที่ 910,110 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายใต้ความเสี่ยงใหม่ คือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 บริษัทคงมีการทบทวนเป้าหมายนี้อีกครั้ง
ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งเติบโตในกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคลเป็นหลัก เตรียมออก8-9กองทุนใหม่ในปีนี้ ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการออม(SSF)และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนผสมหลากหลายสินทรัพย์ จำนวน3กองทุน และกองทุนต่างประเทศอีก 2กองทุน
สำหรับธีมการลงทุนปีนี้ เน้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ เช่น ธุรกิจออนไลน์ ชอปปิงออนไลน์ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์และซุปเปอร์มาร์เก็ต, กลุ่มธนาคาร ที่มีการลงทุนทางด้านดิจิทัลแบงกิ้ง และกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เนื่องจากเป็นธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขัน ทนทานต่อปัจจัยความเสี่ยงใหม่และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ทั้งนี้ แนะนำผู้ลงทุนจัดพอร์ตลงทุนแบบ multi asset portfolio solutions กระจายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ความเสี่ยงน้อย ลงทุนหุ้น25% และตราสารหนี้ 75% ,ความเสี่ยงปานกลาง ลงทุนหุ้น50%และตราสารหนี้50%และความเสี่ยงสูง ลงทุนหุ้น80%และตราสารหนี้20% ซึ่งการจัดพอร์ตลงทุนแบบผสมหลากหลายสินทรัพย์
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีนี้ม องกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,425 -1,520 จุด P/E 15-16เท่า และEPS 95 บาท บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นไทย เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้ กลุ่มที่น่าสนใจลงทุน เป็นกลุ่มหุ้นปันผล เช่น การบริโภค อีคอมเมิร์ซ จ่ายปันผลระดับ4%ขึ้นไป ส่วนการลงทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ นวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นในตลาดเอเชียและจีน ซึ่วถูกการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาด MSCI
“ เรามองว่า การลงทุนในตลาดหุ้น หากเป็นการลงทุนระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงใหม่เข้ามากระทบในระยะสั้น ผู้ลงทุนบางรายอาจจะมองเป็นโอกาส ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น”
ทั้งนี้ แนะนำกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) เป็นกองทุนผสมแบบยืดหยุ่น กระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี ( B-INNOTECH) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีมีผลการดำเนินงานที่ดี