'ศุภชัย-เสรีพิศุทธ์' ฉะเดือด ลั่นเป็นสหายแสงมีศักดิ์ศรีไม่แพ้วีรบุรุษนาแก
"ศุภชัย-เสรีพิศุทธ์" ฉะเดือด ท้าเจอกันนอกสภา เหตุห้ามอภิปรายปมถวายสัตย์ ลั่นเป็นสหายแสงมีศักดิ์ศรีไม่แพ้วีรบุรุษนาแก
เมื่อวันที่ 26 ก..พ. 63 ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นลำดับการอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ปรากฎว่าได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น สืบเนื่องมาจากการที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ พยายามขออภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ การอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องสะดุดลงเป็นระยะ ภายหลังมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรุมประท้วง อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พูดนอกประเด็น เนื่องจากเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่พูดอยู่ในกรอบที่ได้มีการตกลงกันไว้ ส่งผลให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องเตือนให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รีบพูดเข้าประเด็น เพื่อมิให้เกิดการประท้วง
จากนั้นทันทีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เริ่มพูดเข้าประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ คณะบุคคลต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เท่านั้น จะนอกเหนือขาดเกินไม่ได้ ทำให้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงทันที เพราะตกลงกันแล้วห้ามเอาเรื่องถวายสัตย์มาพูด และห้ามนำเรื่องสถาบันมาพูด และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบไปแล้ว ทำให้ ส.ส.หลายคนพากันรุมประท้วง นายชินวรณ์ ทันที อาทิ น.ส.ธนพร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่า สามารถพูดได้จนบรรยากาศที่ประชุมส่อเค้าความวุ่นวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นายศุภชัย วินิจฉัยว่า ถ้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะพูดเกริ่นนำเรื่องการถวายสัตย์จะอนุญาตให้พูดได้ แต่ถ้าจะพูดลงลึกรายละเอียดจะไม่อนุญาต เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนบริหารราชการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดเรื่องดังกล่าวไปแล้ว อีกทั้งรัฐธรรมนูญไม่อนุญาต เพราะถ้าอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ย่อมกระทบไปถึงสถาบัน จึงไม่สามารถอนุญาตได้
อย่างไรก็ตาม ส.ส.ฝ่ายค้านพากันรุมประท้วงคำวินิจฉัยของ นายศุภชัย ทันที เกิดการโต้เถียงกันไปมาระหว่าง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน จนการประชุมไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ระหว่างนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวตำหนิ นายศุภชัย ว่าทำหน้าที่ประธานเป็นหรือไม่ ก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นอีก ทำให้ นายศุภชัย กล่าวเสียงแข็งขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถอนคำพูด เพราะพูดดูถูกประธานหลายครั้ง ถ้าไม่ยอมถอน จะไม่ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในที่สุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงยอมถอนคำพูด ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ไม่ได้ไปร่วมตกลงอะไรด้วย การห้ามพูดเรื่องดังกล่าวไม่รู้ไปมั่วกันยังไง
จากนั้น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านยังโต้เถียงกันไปมา เสียเวลาร่วม 40 นาที ในที่สุดนายศุภชัยจึงตัดบทให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดต่อ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังพยายามพูดเรื่องการถวายสัตย์ต่อ ทำให้ นายศุภชัย ไม่ให้พูดต่อ เพราะได้วินิจฉัยไปแล้ว มิเช่นนั้นจะเชิญออกจากห้องประชุม ให้เลือกเอาจะอภิปรายเรื่องอื่นหรือจะให้เชิญออกจากห้องประชุม ตนไม่ได้ขู่ แต่เอาจริง ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สวนทันทีว่า “หากจะเอาจริงก็ให้ไปเจอกันนอกสภา” ซึ่ง นายศุภชัย ตอกกลับทันทีเช่นกันว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัว หากมีคนบอกว่าท่านคือวีรบุรุษนาแก ผมก็สหายแสง อย่ามาขู่กัน” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที โดยมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนให้ไล่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกนอกห้องประชุม ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านพากันประท้วงนายศุภชัย ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พยายามชี้แจงว่า “อย่าเข้าใจว่าผมข่มขู่ ที่ว่าไปเจอกันนอกสภา หมายถึงไปพูดคุยกินกาแฟทำความเข้าใจที่ห้องประธานได้” จากนั้น นายศุภชัย จึงยอมให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายต่อ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็กล่าวต่อเพียงสั้นว่า “ที่ผ่านมานายกฯ หลอกตัวเองตลอด แต่ใครหลอกตัวเอง ก็ไม่สมควรจะมาทำหน้าที่นายกฯ” ก่อนที่จะนั่งลงจบการอภิปรายในทันที ทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง