จับตา! 'มูห์ยิดดิน' นายกฯใหม่มาเลย์ เจอ 'กระแสต้าน' ตั้งแต่วันแรก
นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตรมว.มหาดไทยของมาเลเซีย สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะที่นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด ที่ลาออกจากนายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้ บอกว่า การเข้ารับตำแหน่งนั้น “ขัดกฎหมาย” ส่วนโลกโซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก #NotMyPM
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์แห่งมาเลเซีย พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ประธานพรรคเบอร์ซาตู เข้าเฝ้าฯเพื่อกราบบังคมทูลถวายคำสัตย์ปฏิญาณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย อย่างเป็นทางการในวันนี้ (1 มี.ค.) ที่พระราชวังอิสตานา เนการา ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมให้คำมั่นต่อหน้าพระพักตร์ว่า จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่
ก่อนเข้าพิธีถวายสัตย์ นายมูห์ยิดดิน วัย 72 ปี กล่าวขอให้ประชาชนชาวมาเลเซียให้การยอมรับในตัวเขา
อย่างไรก็ตาม นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด วัย 94 ปี ซึ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกฯอย่างกะทันหันเมื่อปลายเดือนที่แล้ว อ้างเมื่อวานนี้ (29 ก.พ.) ว่า เขามีเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะเป็นนายกฯอีกสมัย คือ 114 เสียง หรือเกินกึ่งหนึ่งคือ 112 เสียงจากทั้งหมด 222 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร
นายมหาธีร์ กล่าวหานายมูห์ยิดดินว่าเป็น “คนทรยศ” และบอกว่าจะหาทางให้รัฐสภาลงมติค้านการสนับสนุนนายกฯคนใหม่ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤติการเมืองมาเลเซียยังไม่มีแววจะจบ
“นี่เป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ผู้แพ้จะได้ตั้งรัฐบาล ผู้ชนะจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีหลักนิติธรรมอีกต่อไปแล้ว” อดีตผู้นำมาเลเซีย 2 สมัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาที่นายมหาธีร์บอกว่า เขารวบรวมเสียงข้างมากได้นั้น นายโมฮัมหมัด อาริฟ โมห์ด ยูโซฟ ประธานสภากล่าวว่า การประชุมสภาครั้งต่อไปอาจต้องเลื่อนออกไปจากวันที่ 9 มี.ค. โดยเขาจะประสานเรื่องวันประชุมใหม่กับสำนักนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.)
ขณะที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรคยุติธรรมประชาชน (พีเคอาร์) ซึ่งสนับสนุนนายมหาธีร์ ยังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศของนายมูห์ยิดดิน ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (อัมโน)
ขณะเดียวกัน เกิดกระแสไม่พอใจบนโลกออนไลน์ในมาเลเซีย โดยชาวเน็ตแห่ติดแฮชแท็ก #NotMyPM และมีชาวมาเลเซียกว่า 100,000 คนร่วมลงชื่อออนไลน์ เรียกร้องว่า การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายมูห์ยิดดิน คือการ “ทรยศเสียงของประชาชน” จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ค. 2561 ที่พรรคอัมโนพ่ายแพ้ขาดลอย
ด้านพรรคอัมโนยังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแสกังวลว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้ อาจจะมีผลต่อการพิจารณาคดีทุจริตหลายสิบข้อหาของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งเกี่ยวกับการทุจริตในกองทุนพัฒนามาเลเซีย หรือ “วันเอ็มดีบี”
บรรดานักวิเคราะห์ มองว่า รัฐบาลของนายมูห์ยิดดินอยู่ตำแหน่งเปราะบาง เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะได้รับเสียงข้างมากในสภาหรือไม่ และเขาเป็นเพียงสมาชิกพรรคขนาดเล็กที่ไม่มีฐานเสียงสนับสนุนแข็งแกร่งนัก
นายมูห์ยิดดินเคยเป็นแกนนำระดับอาวุโสของพรรคอัมโนมานานหลายสิบปี ก่อนจะถูกนายนาจิบปลดจากพรรคในปี 2558 หลังเขาออกมาวิจารณ์การรับมือกรณีอื้อฉาวกองทุนวันเอ็มดีบี และจากนั้น เขาก็ไปจับมือเป็นพันธมิตรกับนายมหาธีร์และร่วมกันโค่นพรรคอัมโนในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
นอกจากนี้ นางบริดเจ็ท เวลช์ นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมในอังกฤษ เผยกับเอเอฟพีว่า นายมูห์ยิดดินขาดความชอบธรรมทั้งภายในประเทศหรือระหว่างประเทศเหมือนกับที่รัฐบาลชุดก่อนเคยมี
นายมูห์ยิดดินเป็นนักการเมืองหัวชาตินิยมมุสลิม ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศตัวว่าสนับสนุนนโยบาย “คนเชื้อสายมาเลย์ต้องมาก่อน” และมีความกังวลว่าการนำของเขาอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติกับศาสนาภายในประเทศที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ปัจจุบัน ประมาณ 60% ของประชากรมาเลเซีย เป็นชาวมุสลิมมาเลย์ ส่วนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีนและอินเดีย