‘กรุงศรี’เพิ่มทุน‘ฟินโนเวต’600ล้าน ลุยลงทุนกิจการ'ฟินเทค'
"แบงก์กรุงศรี" ใส่เงินเพิ่มทุนใน "กรุงศรีฟินโนเวต" อีก 20 ล้านดอลลาร์ หรือ 600 ล้านบาท รุกลงทุนฟินเทคในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเวียดนาม หวังต่อยอดธุรกิจแบงก์ เตรียมดัน 2 กิจการ "บาเนีย- ฟินโนมีมา" เข้าตลาด mai ในปี65
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี ฟินโนเวต และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)BAY กล่าวว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการ(บอร์ด) เพิ่มเงินลงทุนในบริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต อีก 20 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 600ล้านบาท จากเดิมที่มีเงินลงทุนอยู่แล้วราว 30 ล้านดอลลาร์ เงินลงทุนดังกล่าวจะนำไปลงทุนในกิจการฟินเทค และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ทั้งในและต่างประเทศราว 70% อีก 30% จะใส่เงินเพิ่มในบริษัทที่ลงทุนไปแล้ว ซึ่งต้องการระดมทุนเพิ่มเติม
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปี 2563 ตั้งเป้าเน้นการลงทุนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดธุรกิจของธนาคารได้ โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบชำระเงิน บล็อกเชน และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) รวมถึงเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เช่น เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเข้าไปลงทุนใหม่ๆเพิ่มเติม
ส่วนในประเทศ เน้นลงทุนฟินเทค 2-3กลุ่มหลัก เช่น Agri Tech เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้านการเกษตรและอาหาร ,Healthy Tech เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพ และ Logistic เทคโนโลยีด้านระบบขนส่ง เป็นต้น แม้กลุ่มเหล่านี้ ไม่ได้มีประโยชน์กับธนาคารมากนัก แต่เป็นประโยชย์ต่อประเทศในระยะข้างหน้า โดยในแต่ละปีกรุงศรีฟินโนเวตลงทุนอยู่ประมาณ 6ดีล เป็นดีลจากต่างประเทศ 2-3ดีล
ด้านนายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต กล่าวว่า ภายในครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทจะลงทุนในฟินเทคไม่ต่ำกว่า 3บริษัท วงเงินราว 10 ล้านดอลลาร์ หลักๆจะอยู่ในกลุ่ม Property Technology (Prop Tech) นำมาใช้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มระบบชำระเงิน และกลุ่มเทคโนโลยีเกษตร
เนื่องจากมีฐานลูกค้าโรงงานเกษตรค่อนข้างมาก ประกอบกับธนาคารต้องการนำมาส่งเสริมให้ประเทศไทยพัฒนาในเรื่องการเกษตรมากขึ้น รวมถึงการเข้าไปลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยผู้ประกอบการทำธุรกิจมากขึ้น
ส่วนการลงทุนของกรุงศรีฟินโนเวตในช่วงที่ผ่านมา พบว่าหลายบริษัทที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี เริ่มทยอยสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว เช่น บริษัท ฟินโนมีนา(Finnomena) ฟินเทคสตาร์ทอัพทางด้านแนะนำการลงทุนผ่าน Robo Advisor ซึ่งกรุงศรี ฟินโนเวตได้ร่วมลงทุนเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี มีอัตรการการเติบโตและให้ผลตอบแทน 3เท่าตัว จากเดิมมีมูลค่าตลาด หรือมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 450 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มเป็น 1พันล้านบาทแล้ว คาดว่าภายใน 3ปี หรือภายในปี 2565 จะนำฟินโนมีนาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้
นอกจากนี้ ในส่วนการเข้าไปลงทุนใน บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเกี่ยวกับ Big Data ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Comprehensive Marketplace และ Data Platform รายแรกของประเทศไทย ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตหลายเท่าตัวเช่นกัน โดยจากการร่วมมือกับบาเนียทำให้ต้นทุนธนาคารลดลงค่อนข้างมาก และในระยะถัดไปจะผลักดันให้บาเนียเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เช่นเดียวกัน