'WHO' เรียกร้องทั่วโลก หยุดกักตุนหน้ากากอนามัย

'WHO' เรียกร้องทั่วโลก หยุดกักตุนหน้ากากอนามัย

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเรียกร้องให้ทั่วโลกหยุดกักตุนหน้ากากอนามัย ถุงมือ และอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส  ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเรียกร้องให้ทั่วโลกยุติกักตุนหน้ากากอนามัย ถุงมือ และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบุคลากรการแพทย์ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ยังระบาดรุนแรงนอกจีน 

"การขาดแคลนอุปกรณ์พีพีอี เช่น ถุงมือ หน้ากากอนามัย เครื่องช่วยหายใจ แว่นตา และเครื่องป้องกันใบหน้า ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนอุปกรณ์นั้น มีความเสี่ยงในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19" ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ระบุ

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ WHO เรียกร้องให้บรรดาผู้ผลิตเร่งการผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (พีพีอี) เพื่อตอบสนองความต้องการและรับประกันปริมาณที่เพียงพอทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่า มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มอุปกรณ์พีพีอีขึ้น 40% ทั่วโลก และในแต่ละเดือน จะต้องมีการผลิตหน้ากากทางการแพทย์จำนวน 89 ล้านชิ้น ถุงมือแพทย์ 76 ล้านชิ้น และแว่นตา 1.6 ล้านอัน เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19

ความเคลื่อนไหวล่าสุดขององค์การอนามัยโลกมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ลงนามกฎหมายเรียกคืนสต็อกหน้ากากอนามัยทั้งหมด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วยติดโควิด-19

ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 6 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค. มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 212 คน และเสียชีวิต 4 คน ขณะที่ประธานาธิบดีมาครงเตือนว่าการระบาดของโควิด-19 ในฝรั่งเศสอาจดำเนินไปนานหลายเดือน 

ขณะที่อิหร่าน เป็นอีกประเทศที่สถานการณ์ยังน่าวิตก ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 77 คน และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 2,336 คน ขณะที่มีรายงานว่ามีสมาชิกสภาอิหร่านติดเชื้อถึง 23 คน เพื่อนสมาชิกสภาต้องวอนให้ผู้ติดเชื้อตัดขาดตัวเองจากสาธารณชน

ส่วนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) รายงานล่าสุดในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 516 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5,328 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 32 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดนี้ ประมาณ 60% มาจากโบสถ์ชินชอนจิ ซึ่งเป็นกลุ่มลัทธิทางศาสนากลุ่มหนึ่งในเมืองแทกู ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 300 กม. อย่างไรก็ตาม ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศขยายเวลาการปิดโรงเรียนทั่วประเทศไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19