“บี จิสติกส์” ปรับกลยุทธ์ลดความเสี่ยงธุรกิจ จับกลุ่มลูกค้าสัญญาระยะยาว

นายพงศ์ศิริ ศิริธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B  เปิดเผยว่า  แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563  มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้น  ซึ่งก็เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรภายในรวมทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจ  ทั้งนี้ปี 2563 บริษัทจะมุ่งเน้นให้บริการด้านธุรกิจโลจิสติกส์แบบมีสัญญาระยะยาว เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืนและเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ หากผลกระทบจากปัจจัยลบเกิดขึ้นแบบฉับพลัน  อย่างเช่นสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19

นายพงศ์ศิริ  กล่าวต่อว่า แม้การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ แต่บริษัทก็มองวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยหาช่องทางเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจรองรับการฟื้นตัวด้านปริมาณการขนส่งได้อย่างทันท่วงที   ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมากขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลาย  ซึ่งบริษัทก็ต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา  โดยประเมินว่าการเติบโตทางธุรกิจการขนส่งระหว่างประเทศ จะมีการขยายตัวและรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าใหม่มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์ความกังวลต่อการระบาดของไวรัสโควิด–19 ทำให้ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น  เพื่อไม่ต้องออกไปซื้อสินค้านอกบ้าน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าภายในประเทศของบริษัทมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ  ซึ่งจากกลยุทธ์ที่บริษัทที่ได้มุ่งเน้นธุรกิจทางด้านอีคอมเมิร์ซและกลุ่มลูกค้าดิจิตอลต่างๆ  ทำให้แนวโน้มการให้บริการของบริษัท มีการขยายตัวและเติบโตสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับกิจการและผลประกอบการในระยะยาว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ไตรมาส 4/2562 บริษัทมีรายได้รวม 88.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.05% เมื่อเทียบกับไตรมาส3/2562 สิ้นสุด 30 กันยายน 2562 ที่มีรายได้ 86.72 ล้านบาท  สาเหตุที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562  ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการธุรกิจท่าเรือ 88.07 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจขนส่งในประเทศจำนวน 161.31 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ จำนวน 131.42 ล้านบาท