'โควิด-19' เปลี่ยนวิถี ประกอบศาสนกิจมุสลิม
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทำให้แนวทางในการปฏิบัติตามหลักศาสนา หรือศาสนกิจเปลี่ยนแนวทางไป ล่าสุดศาสนาอิสลามก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างเช่นซาอุดีอาระเบียมีการประกาศห้ามผู้เดินทางจากต่างประเทศมาแสวงบุญเป็นการชั่วคราว เป็นต้น
เหล่าผู้แสวงบุญ หรือชาวมุสลิมที่เคร่งครัดปฏิบัติตามหลักของศาสนาอิสลามทั่วโลก ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอของโรคโควิด-19 โดยต้องปรับเปลี่ยนแนวทางในการปฏิบัติตามหลักศาสนา เริ่มจากชาวมุสลิมในซาอุดีอาระเบีย เมื่อรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศห้ามผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาแสวงบุญตามพิธีทางศาสนาอิสลามเป็นการชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ในนครเมกกะห์ และเมดินา เพื่อป้องกันไม่ให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดเข้ามาในประเทศ
สถานทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำกรุงวอชิงตันระบุว่า ผู้ที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่มีรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 จะไม่สามารถเดินทางเข้าซาอุดีอาระเบียได้ แต่ทางการซาอุดีฯจะใช้มาตรการนี้ชั่วคราว โดยจะมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ส่วนชาวซาอุดีอาระเบียในต่างประเทศที่ต้องการเดินทางกลับ และพลเมืองของชาติอ่าวอาหรับในซาอุดีอาระเบียที่จะเดินทางกลับประเทศ ก็จะถูกระงับการเดินทางเข้าและออกจากซาอุดีอาระเบียด้วยเหมือนกัน
ซาอุดีอาระเบีย ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างคูเวต บาห์เรน อิรัก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบผู้ป่วยโควิด-19
ส่วนชาวมุสลิมในสิงคโปร์ก็เจอคำสั่งให้นำพรมที่ใช้ในการสวดมนต์ของตัวเองติดตัวไปใช้ในสุเหร่าทุกแห่ง และหลีกเลี่ยงการทักทายด้วยการจับมือ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ นอกเหนือจากการเลี่ยงเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ทำงานจากที่บ้าน และหลีกเลี่ยงเข้าไปอยู่ในแหล่งชุมชน หรือกลุ่มคนจำนวนมาก
อ่านข่าว-อิตาลีอ่วม! ยอดตายโควิด-19สูงสุดในยุโรป-วันเดียวพุ่ง
“ในช่วงนี้ เราจะไม่ทักทายด้วยการจับมือแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากจับมือแล้วก็ควรล้างมือให้สะอาดตามวิธีที่ถูกต้องและไม่ควรนำมือของตัวเองไปสัมผัสใบหน้าถ้าไม่จำเป็น” แถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ระบุ
บรรดาผู้นำศาสนาทั่วโลก ไม่เฉพาะผู้นำศาสนาอิสลาม แนะนำประชาชนในประเทศตนให้ประกอบกิจกรรมทางศาสนาที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อนี้แล้วจำนวนกว่า 93,000 คน และเสียชีวิตเพราะโรคโควิด-19 แล้วจำนวนกว่า 3,000 คน
ส่วนอิหร่าน ที่ถือเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ด้วยอีกแห่งหนึ่ง ใช้มาตรการรับมือด้วยการประกาศห้ามทำกิจกรรมทางศาสนาตามสุเหร่าทุกแห่ง
ขณะที่ในสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้สถาบันต่างๆ ที่เป็นมุสลิมปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรเพิ่มเป็น 87 ราย
ที่ทาจิกิสถาน ขอให้ชาวมุสลิมทั่วประเทศประกอบกิจกรรมทางศาสนาซึ่งแต่เดิมทำที่สุเหร่าทุกวันศุกร์ มาเป็นการสวดมนต์ที่บ้านแทน หลังจากรัฐบาลทาจิกิสถาน ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม 9 ล้านคน สั่งปิดพรมแดนที่ติดกับจีนและอัฟกานิสถาน รวมทั้งเกาหลีใต้ อิหร่านและอิตาลี