สั่งจัดการด่วนทิ้งสมอในเขตปะการัง ลั่นใครทำผิดต้องอยู่บรรทัดฐานเดียวกัน
"วราวุธ" สั่งจัดการด่วนทิ้งสมอในเขตปะการัง ย้ำดำเนินการเด็ดขาด ไม่ว่าใครทำผิด ต้องอยู่บรรทัดฐานเดียวกัน
จากกรณี อาสาสมัครพิทักษ์ทะเลได้แจ้งต่อสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พบเรือยอร์ช ชื่อ โคติงก้า ลักลอบจอดเรือโดยทิ้งสมอในเขตหวงห้ามบริเวณพื้นที่แนวปะการัง เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว. ทส.) ได้สั่งการให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เร่งดำเนินการตามกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบโดยด่วน โดยล่าสุดวานนี้ (8 มีนาคม 2563) อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจนพบเรือผู้กระทำผิด ซึ่งผู้กระทำผิดได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไปแล้ว
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับรายงานกรณีมีการลักลอบจอดเรือโดยทิ้งสมอในเขตหวงห้ามบริเวณพื้นที่แนวปะการัง เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสร้างผลกระทบต่อแนวปะการังบริเวณดังกล่าว ตนได้สั่งการให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมหาผู้กระทำผิดและดำเนินการอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินงานให้ทราบจนว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอย้ำกับพี่น้องประชาชนชนว่า
“การฟื้นฟูปะการังที่ได้รับความเสียหายให้กลับคืนสภาพเดิมต้องใช้เวลานานนับปี การบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อผู้กระทำผิดที่ขาดความระมัดระวังจนสร้างความเสียหายต่อปะการังและระบบนิเวศ จึงเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาด และสร้างบรรทัดฐานในการจัดการการกระทำความผิด ไม่ว่าใครก็ตามที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นเรือยอร์ชของเศรษฐีหรือเรือประมงชนิดใดก็ตาม เราใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการ ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์และยั่งยืนสืบไป”
ทั้งนี้ หากพบการกระทำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้รีบแจ้งทันที เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายอย่างเด็ดขาด ต่อไป
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ว่า อาสาสมัครพิทักษ์ทะเลได้แจ้งต่อสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พบเรือยอร์ช ชื่อ โคติงก้า ลักลอบจอดเรือโดยทิ้งสมอในเขตหวงห้ามบริเวณพื้นที่แนวปะการัง เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต พร้อมหลักฐานภาพถ่าย ขั้นต้นได้ให้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวน สภ. ฉลอง อ. เมือง จ. ภูเก็ต ไว้ก่อน
พร้อมกันนี้ ตนจึงรีบได้รายงานให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทราบเบื้องต้น และได้ลงพื้นที่วานนี้ (8 มีนาคม 2563) โดยได้นำเรือทรัพยากร ฯ 308 ออกปฏิบัติงานตรวจติดตามเรือของผู้กระทำผิดดังกล่าว จนสามารถตรวจพบเรือยอร์ชหรู ชื่อ โคติงก้า ในบริเวณอ่าวโต๊ะขุน ต. เทพกษัตรี อ. ถลาง จ. ภูเก็ต โดยมีผู้ควบคุมเรือชื่อ 2คน สัญชาติ ฝรั่งเศส จึงได้นำตัวส่ง สภ. ฉลอง ซึ่งผู้กระทำผิดได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงได้ควบคุมตัว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำผิดดังกล่าวการฝ่าฝืนคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 445/2559 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ออกตามความใน มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 ซึ่งห้ามทิ้งสมอบนแนวปะการังในพื้นที่หวงห้ามตามประกาศ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 12 กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สุดท้าย ตนขอชื่นชมอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลที่ช่วยเฝ้าระวังการกระทำที่ส่งกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งปัจจุบันมีอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลกว่า 20,000 คน ใน 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล ที่จะคอยเป็นหูเป็นตาและเฝ้าระวังการกระทำความผิดและรายงานให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อทราบและดำเนินการได้อย่างทันท่วงที นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวในที่สุด