ไม่ลาออก! นักการเมืองญี่ปุ่นปั่นราคาหน้ากากอนามัย ฟันยอดขายเกือบ 3 ล้าน
นักการเมืองท้องถิ่นในญี่ปุ่นเผชิญกับกระแสวิจารณ์ว่าค้ากำไรจากการระบาดของโรคโควิด-19 หลังทำรายได้เกือบ 3 ล้านบาทจากการนำหน้ากากอนามัยมาขายต่อในออนไลน์ ในขณะที่ประเทศประสบปัญหาขาดแคลนกันถ้วนหน้า
นายฮิโรยูกิ โมโรตะ สมาชิกสภาท้องถิ่นจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดโอซากากับกรุงโตเกียว แถลงขอโทษประชาชนในวันนี้ (9 มี.ค.) หลังถูกจับได้ว่านำหน้ากากอนามัยประมูลขายผ่านอินเทอร์เน็ต จนฟันรายได้ 8.88 ล้านเยน (ราว 2.73 ล้านบาท) จากการเปิดประมูลหน้ากากอนามัยรวม 89 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา
“ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ” นายโมโรตะกล่าวถึงพฤติกรรมของตนซึ่งถูกมองว่าเป็นการฉวยโอกาสในช่วงที่ญี่ปุ่นเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 “ผมขอแสดงความรับผิดชอบทางศีลธรรม และรู้สึกเสียใจที่ตัวเองเป็นสมาชิกสภาจังหวัด แต่กลับไม่คิดให้รอบคอบ”
นอกจากนี้ นักการเมืองจากจังหวัดชิซูโอกะให้คำมั่นว่า จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางจังหวัด เพื่อนำเงินรายได้ดังกล่าวไปใช้สนับสนุนมาตรการต่อสู้โรคโควิด-19 ระบาด แต่เขายืนกรานด้วยว่า “ไม่ประสงค์จะลาออก” จากตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น
สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายโมโรตะนำหน้ากากอนามัยแบบกล่องละ 2,000 ชิ้นเป็นจำนวนหลายกล่องไปประมูลขายผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ และทำเงินได้ 30,000-170,000 เยน (ราว 9,233-52,320 บาท) ต่อหน้ากาก 1 กล่อง หรือ 2-3 กล่อง
ทั้งนี้ นายโมโรตะ อ้างว่า หน้ากากเหล่านี้เป็นของค้างสต็อกที่บริษัทของตนเองซึ่งทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนและนำมาจำหน่ายทางออนไลน์ ได้สั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงที่โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ “เมอร์ส” (MERS) ระบาดหนักเมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้ว
“ผมเพียงเอาของที่มีอยู่แล้วในสต็อกมาขาย ไม่ใช่ซื้อมากักตุนเพื่อเอามาขายต่อ” นายโมโรตะ กล่าว และยืนยันว่า เขาไม่ใช่พวกค้ากำไรเกินควร
นอกจากนี้ นายโมโรตะ ระบุว่า แม้เขานำหน้ากากอนามัยออกประมูลทางออนไลน์ แต่เขายังได้บริจาคหน้ากากบางส่วนให้กับโรงพยาบาลในเมืองเซนได โรงเรียนการพยาบาลในจังหวัดโอซากา และโรงเรียนประถมในจังหวัดไซตามะ ตามคำร้องขอด้วยเช่นกัน