เลื่อนตรวจหลักฐาน 'เอ๋ ปารีณา' คดีครอบครองอาวุธปืน
เลื่อนตรวจหลักฐาน “เอ๋ ปารีณา”คดีครอบครองอาวุธปืนปี 2557 ไป 25 พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.63 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 13.30 น. ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.3041/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสัชญา หรือขวัญ สถิรพงษะสุทธิ อายุ 44 ปี และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อายุ 43 ปี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประเภทปืนกลเล็ก และกระสุนชนิดระเบิดเจาะเกราะซึ่งไม่ใช่ชนิด และขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้
โดยมีไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,8 ทวิ , 55 , 72 ,72 ทวิ , 78 พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ พ.ศ.2522 มาตรา 6 และฉบับ พ.ศ.2530 มาตรา 3 พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15,42 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 , 140 , 371 ซึ่งคดีนี้เป็นการโอนคดีฟ้องมาจากศาลทหารกรุงเทพฯ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 29 พ.ค.-15 ก.ค.57 จำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันมีอาวุธปืนกลเล็ก พร้อมซองกระสุนปืน 1 อัน ซึ่งเป็นลูกกระสุนระเบิดยิงชนิดระเบิดเจาะเกราะ จำนวน 19 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามซึ่งไม่ใช่ประเภท ชนิด และขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้
ขณะที่วันที่ 15 ก.ค.57 เป็นวัน-เวลาที่อยู่ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จำเลยร่วมกับพวกที่หลบหนี มีกล้องส่องเวลากลางคืนจำนวน 1 ชุด , เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 1 ตัว และหมวกเกราะกันกระสุน จำนวน 1 ใบ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม และจำเลยยังพาอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด .38 SUPER เครื่องหมายทะเบียน กท 4507271 จำนวน 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย กับกระสุนปืนออโตเมติกจำนวน 31 นัด และอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์กับกระสุนปืนลูกกรดจำนวน 8 นัด ติดตัวไปใน ซ.สมคิด ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา เหตุเกิดที่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. โดยจำเลยทั้งสองได้ประกันตัวชั้นพิจาณา ซึ่งนายสัชญา จำเลยที่ 1 ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 900,000 บาท ส่วน น.ส.ปารีณา จำเลยที่ 2 ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 700,000 บาท
ขณะที่วันนี้อัยการโจทก์ , นายสัชญา จำเลยที่ 1 และ น.ส.ปารีณา จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาล แต่เมื่อถึงเวลานัด ปรากฏว่าเสมียนทนายความของ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องและแถลงต่อศาลว่า วันนี้ทนายความจำเลยที่ 1 ติดภารกิจฌาปณกิจศพมารดา ไม่สามารถมาศาลได้ จึงขอเลื่อนนัดออกไปก่อน ศาลพิเคราะห์และสอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่คัดค้าน เห็นว่ากรณีมีเหตุจำเป็น จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดไปตรวจหลักฐานในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ด้าน น.ส.ปารีณา จำเลยร่วมที่ 2 ในคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ถึงมูลคดีนี้ว่า คดีนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นคดีที่ย้ายการพิจารณาคดีจากศาลทหารมาอยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลอาญา วันนี้เป็นกำหนดนัดพร้อมคู่ความ ส่วนคดีที่มีการแจ้งความตนเองเรื่องการรุกที่ป่า ใน จ.ราชบุรี ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) หลังได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ส่วนรายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่ทนายความ
อย่างไรก็ดี น.ส.ปารีณา ยืนยันว่า จะให้การปฏิเสธในคดีโดยมีหลักฐานในการต่อสู้คดีเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ท้ายที่สุดแล้วผลของคดีจะเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ