การเหยียดผิว-ความรุนแรง จากโรค COVID-19
การปฏิบัติตนภายใต้ภาวะการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ทุกคนในโลกมีสิทธิที่จะความกลัว และสมควรป้องกันตัวให้รอดพ้นจากโรคอันตรายนี้ได้ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาซึ่งความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และการสร้างความเกลียดชังในสังคม
กรณีการทำร้ายนักเรียนชาวเอเชียในกรุงลอนดอนโดยคนท้องถิ่นอังกฤษ ทำให้โลกจับตามองถึงผลกระทบในเชิงสังคมจากไวรัส COVID-19 หลังจากที่การแพร่กระจายของไวรัสนั้นลุกลามไปทั่วโลก ก็เริ่มมีรายงานการเลือกปฏิบัติและการทำร้ายคนเอเชียโดยคนท้องถิ่นซึ่งถือเป็นคดีการทำร้ายร่างกายในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นที่น่าวิตกกังวลพอๆ กับการรับมือป้องกันไวรัส
กรณีของภวัต ศิลวัตกุล บัณฑิตไทยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ซึ่งปัจจุบันทำงานและอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้นไม่ได้เป็นกรณีแรกและกรณีเดียวเท่านั้นที่ตำรวจอังกฤษได้รับการรายงานความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนต่างชาติโดยเฉพาะคนเอเชียอันสืบเนื่องมาจากการเหยียดสีผิวและความกลัวจากการแพร่กระจายของไวรัส
ภวัตถูกชิงหูฟังโดยวัยรุ่นชาวอังกฤษ 2 คนในย่านฟูแลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามฟุตบอลของทีมเชลซี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นย่านคนมีเงินแห่งหนึ่งในลอนดอน นอกจากการชิงทรัพย์แล้ววัยรุ่น 2 คนยังทำการล้อเลียน ตะโกน “โคโรน่าไวรัส” และถ่ายวิดีโอ ที่สำคัญคือวัยรุ่น 2 คนนี้ยังเป็นนักเรียน คาดว่าอายุประมาณ 15 ปี และรูปร่างนั้นก็ตัวเล็กกว่าภวัต
อีกกรณีหนึ่ง คือ กรณีของโจนาธาน มอค นักเรียนสิงคโปร์ที่โดนทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจากกลุ่มวัยรุ่นท้องถิ่น ณ ถนนอ๊อกฟอร์ด ซึ่งเป็นย่านช๊อปปิ้งชื่อดังใจกลางกรุงลอนดอน โดยระหว่างการทำร้ายร่างกายนั้นกลุ่มวัยรุ่นท้องถิ่นก็ได้กล่าว 'I don't want your coronavirus in my country-ฉันไม่ต้องการไวรัสในประเทศนี้’
ยังมีกรณีอื่นๆ ซึ่งทางการและสมาคมชาวจีนในอังกฤษได้รับรายงาน อาทิ การด่าทอ การตั้งใจทำร้ายโดยการโยนหิน การเลือกปฏิบัติไม่ให้ขึ้นรถโดยสาร ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นคนเอเชีย ทั้งที่ใส่และไม่ใส่หน้ากากอนามัย
ความรุนแรงและไม่ปลอดภัยในเมืองใหญ่หลาย ๆ เมืองในต่างประเทศนอกจากจะออกมาในรูปแบบของการเหยียดสีผิว การด่าทอ ยังออกมาในรูปแบบของการขโมยและอาจร้ายแรงถึงการปล้น เมื่อไม่นานมานี้ทางการอังกฤษได้รับรายงานจากกลุ่มนักเรียนไทยในกรุงลอนดอนซึ่งกลับจากร้านอาหารในช่วงกลางคืนถึงการปล้นเงินสดและนาฬิการาคาแพง
จากประสบการณ์ตรงของผมที่ได้ท่องเที่ยวและทำงานทั้งในอเมริกาและยุโรป พบเจอกับกรณีการลักขโมยทั้งโดยตรงและจากเรื่องเล่าของเพื่อนมากมาย การลักขโมยนี้มักเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ที่ชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน อาทิ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด รถไฟใต้ดิน ชายหาด รูปแบบก็มักจะมาในรูปของการเข้าหาประชิดตัว การดึงดูดความสนใจในการแจกใบปลิว หรือขายของ รูปร่างหน้าตาของมิจฉาชีพเหล่านี้ก็มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผิวดำ ผิวขาวหรือแม้กระทั่งยิปซี
จึงเป็นการสมควรที่จะต้องมีสติเสมอเมื่อท่องเที่ยวหรือศึกษาในต่างประเทศ โสตสัมผัสต้องระแวดระวังภัยเพราะมิจฉาชีพและผู้ก่อความรุนแรงมักจะอาศัยช่วงเวลาที่เหยื่อขาดสติ หรือมัวแต่สนใจกับการเล่นโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป หรือฟังเพลง ไม่ได้ระแวดระวังรอบด้าน และเหยื่อก็มักจะเป็นคนเอเชีย ด้วยเพราะรูปร่างที่เล็กกว่าและความคิดเหยียดเชื้อชาติที่คิดว่าคนเอเชียนั้นอ่อนแอ ไม่มีปากเสียง
เช่นเดียวกับการปฏิบัติตนภายใต้ภาวะการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ทุกคนในโลกมีสิทธิที่จะความกลัว และสมควรป้องกันตัวให้รอดพ้นจากโรคอันตรายนี้ได้ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาซึ่งความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และการสร้างความเกลียดชังในสังคม กรณีศึกษาเหล่านี้น่าจะทำให้คนไทยเตรียมพร้อมเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศรวมถึงเห็นถึงข้อเสียและมีสติรับมือไม่ปล่อยให้สังคมไทยเสื่อมลงได้