ท่องเที่ยวผ่า ‘End Game’ โควิด แนะรัฐส่ง ‘ซิงเกิล เมสเสจ’ ฟื้นเชื่อมั่น
จากเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ “ไทยช่วยไทย : โอกาสจากวิกฤติ COVID-19” ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บรรดาผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวและบริการต่างร่วมวงแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มเวิร์คชอปจับเข่าคุยผ่าทางตัน หวังเผด็จศึก “End Game” หาทางรอดในสงครามโรคระบาดครั้งนี้
ก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ตัวแทนกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท และที่พักระบุว่า หนึ่งในทางรอดจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19หนีไม่พ้น “การลดต้นทุน” ของผู้ประกอบการโรงแรมในสถานการณ์ที่ซัพพลายเชนเองก็มีปัญหา โดยนอกเหนือจากการขอให้ชะลอการชำระหนี้แล้ว อยากให้ภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ“ลดภาษี”ช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)และภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่างๆ อย่างภาษีโรงเรือน เป็นต้น รวมถึงลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคในระดับที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการได้จริง
อีกประเด็นคือ “การสื่อสารของรัฐบาล” อยากให้มีแถลงการณ์หรือประกาศออกมาในทิศทางเดียวกันเป็น “ซิงเกิล เมสเสจ” (Single Message) เพราะปัจจุบันแต่ละกรมแต่ละกระทรวงต่างออกข่าวไม่เหมือนกัน การสร้างซิงเกิลเมสเสจจึงสำคัญมาก ทำได้ด้วยการจัดตั้งวอร์รูม พร้อมจัดทำแถลงการณ์ส่งตรงถึงทุกโรงแรมและที่พักในไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในการดึงนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติกลับมา
“ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่าในช่วงวันที่25ม.ค.-29ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเกือบ40%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แปลว่ายังพอมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย แต่ถ้ารัฐบาลไม่มีซิงเกิลเมสเสจ มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะดิ่งหัวลงต่ำกว่า30ล้านคนในปีนี้ตามที่ ททท.ประเมินสถานการณ์ไว้ในกรณีร้ายแรงที่สุดหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19”
สอดรับกับเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการกิจกรรมองค์กรและส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ตัวแทนของกลุ่มธุรกิจการเดินทาง (รถ เรือ เครื่องบิน) กล่าวว่า มองว่าทุกกลุ่มของภาคท่องเที่ยวและบริการคิดเหมือนกันว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการสร้าง “ความมั่นใจ” แก่คนไทยและต่างชาติ
“อยากให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์สื่อสารข่าวสารแบบซิงเกิล เมสเสจ เพราะเท่าที่ฟังเสียงสะท้อนจากลูกค้านักเดินทางยุโรป ชี้ว่าประเทศสิงคโปร์มีการสื่อสารชัดเจนผ่านการรวบเป็นเซ็นเตอร์เดียว ทำให้ลูกค้ายุโรปรับทราบวิธีป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19ว่ามีอะไรบ้าง จึงมั่นใจและพร้อมเดินทางไปสิงคโปร์มากกว่ามาไทยในตอนนี้”
จิราพร ศรีสอ้าน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ตัวแทนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ต้องการมาตรการสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความปลอดภัย รวมถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ด้านเงินทุน แก่ผู้ประกอบการค้าปลีก โดยเฉพาะเรื่องการลดดอกเบี้ย เพราะตอนนี้ขาดเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องในการชำระหนี้
“เพนพอยต์ของธุรกิจค้าปลีกตอนนี้คือลูกค้ามีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยทั้งจากสถานที่และสินค้า นอกจากนี้ต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าจำเป็นเฉพาะยังสูงขึ้น ในภาวะที่มีข่าวด้านลบออกมามากมาย จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันสร้างความมั่นใจ และมีจุดให้ข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการโหมกระแส ไทยช้อปไทย”
ด้านตัวแทนของกลุ่มธุรกิจบริการ เครื่องดื่ม และภัตตาคาร ระบุว่า ขณะนี้ประสบปัญหาความเชื่อมั่นและจำนวนลูกค้าลดลง จึงอยากให้ภาครัฐนำโดยกระทรวงสาธารณสุขและสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มร่วมกันต่อยอดมาตรฐานเดิมให้ครอบคลุมเกี่ยวกับ “การปลอดเชื้อไวรัส” พร้อมจัดทำโครงการทำความสะอาดร้านอาหารพร้อมกันทั่วประเทศ โดยให้ภาครัฐและสภาหอการค้าเป็นแกนนำประชาสัมพันธ์ระดับประเทศ และหาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
ทั้งนี้อยากให้คิกออฟดำเนินการเร็วที่สุดก่อนเทศกาลสงกรานต์ เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ที่ได้รับผลกระทบมาก หลังตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีนหดตัว ก่อนจะกระจายออกไปยังหัวเมืองหลักต่างๆ ของไทย
ฟากตัวแทนกลุ่มธุรกิจทัวร์ ท่องเที่ยวชุมชน และOnline Travel Agents (OTAs) สะท้อนความเห็นว่า หลังจากยอดขายทัวร์และนักท่องเที่ยวลดลง ภาครัฐและเอกชนควรร่วมกันจัดโครงการ “รวมพลังเที่ยวช่วยชาติ” โดยอยากให้เริ่มจัดในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ทั่วประเทศ ผ่านการรวบรวมเสนอขายแพ็คเกจทัวร์ราคาถูกและคุณภาพดีจากบริษัททัวร์ในแต่ละจังหวัด โดยให้บริษัททัวร์ในกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางส่งลูกค้าไปยังบริษัททัวร์ในแต่ละภูมิภาค