“กมธ.ปราบโกง” รับสอบ กักตุนหน้ากากอนามัย เชิญ ปปง.-อธิบดีกรมการค้าภายในสอบ 18 มี.ค. “สมชัย” ให้ข้อสังเกต 3 พิรุธ พร้อมแนะสอบเส้นทางการเงิน “ศรสุวีร์”
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน ได้รับเรื่องตรวจสอบกรณีกักตุนหน้ากากอนามัยไว้พิจารณา หลังจากที่รับฟังข้อมูลและข้อสังเกตจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการอิสระ ต่อประเด็นปริมาณหน้ากากอนามัยที่ผลิตในประเทศและการควบคุมการส่งออก ทั้งนี้จะเร่ิมตรวจสอบทันที วันที่ 18 มีนาคม เวลา 13.00 น.โดยเชิญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อมูล
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งที่นายสมชัย ให้ข้อสังเกตกับกมธ.ฯ ระบุว่าตนเชื่อว่าปริมาณหน้ากากอนามัยในประเทศจะมีสต๊อก 200 ล้านชิ้น เพราะเดือนกุมภาพันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุข้อมูลดังกล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ขณะที่การส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศ เชื่อว่าจะมีเอกชนที่รู้ข้อมูลอินไซด์ ต่อการแก้ไขประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาตแบบหนังสืออนุญาตและวิธีการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัย ฉบับลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่มีสาระสำคัญคือ ห้ามส่งออกเกิน 500 ชิ้นต่อครั้ง และฉบับแก้ไข ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ระบุว่าห้ามส่งออกเด็ดขาด ยกเว้นได้รับอนุญาตจากนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางฯ โดยระหว่าง วันที่ 4 - 20 กุมภาพันธ์ เชื่อว่าจะมีเอกชนขออนุญาตส่งออกโดยไม่จำกัดจำนวน เพราะราคาส่งออกไปต่างประเทศมีราคาสูงหลายสิบเท่าตัว จากราคาขายในประเทศ 2.50 บาทต่อชิ้น
นายสมชัย กล่าวด้วยว่าส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยที่พบว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการนั้น จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่ากระจายวันละ 1.2ล้านชิ้น โดยให้ตัวแทนเป็นผู้จัดส่ง โดยให้องค์การเภสัชกรรม กระจายไปยังโรงพยาบาล วันละ 7แสนชิ้น และให้โรงงานผู้ผลิตหน้ากากฯ กระจายไปยังร้านค้าเพื่อจำหน่ายกับประชาชน วันละ 5 แสนชิ้น ดังนั้นเพื่อตรวจสอบความขาดแคลนทั้งโรงพยาบาลและการจำหน่าย จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดถึงปริมาณและจำนวนสถานพยาบาล ร้านค้าที่ตัวแทนกระจายสินค้า ส่วนกรณีที่ปรากฎข่าวว่า นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย ฐานะผู้ค้าหน้ากากอนามัยโพสต์บัญชีธนาคารและอ้างว่ามาจากการจำหน่ายหน้ากากนั้น ควรตรวจสอบเส้นทางการเงินและข้อเท็จจริงที่เกิขดึ้น
ภายหลังการประชุมนายธีรัจชัย ให้สัมภาษณ์ว่ากมธ.ฯ ยังไม่ตั้งประเด็นสอบคนใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย แต่ตนเช่ือว่าเมื่อได้รับข้อมูลจาก ปปง. ถึงเส้นทางการเงินในบัญชีนายศรสุวีร์จะพบความเชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ ได้