สถานทูตฯ รุดติดตามชายไทยสงสัยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ ในซิมบับเว
สถานทูตฯ ติดตามชายไทยต้องสงสัยติดเชื้อโคโรน่า จากโรงพยาบาลในซิมบับเว กลับไปตรวจหาเชื้ออีกครั้ง ยืนยัน ไม่ติดโควิด-19
นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงรายงานข่าวคนไทยหลบหนีการตรวจโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาลวิลกินส์ กรุงฮาราเร ประเทศซิมบับเว ว่า รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย ซึ่งมีเขตอาณารับผิดชอบซิมบับเวว่า ชายชาวไทยดังกล่าวทำงานในเหมืองทอง กรุงฮาราเร ประเทศซิมบับเว มีประวัติเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2562 และเดินทางกลับไปทำงานที่ซิมบับเวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563 โดยภายหลังเดินทางกลับถึงประเทศซิมบับเว ชายคนดังกล่าวมีอาการไข้ จึงไปพบเเพทย์เพื่อรับการตรวจในเบื้องต้น เเละได้ตรวจซีทีสแกนด์ โดยเเพทย์ระบุว่าไม่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
สถานทูตฯ รายงานด้วยว่า แพทย์ได้ส่งตัวให้ผู้ป่วยไปเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมกับโรงพยาบาลวิลกินส์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ทางการซิมบับเวกำหนดให้เป็นสถานพยาบาลรองรับผู้ต้องสงสัยติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2563 ชายคนดังกล่าวรอพบเเพทย์เพื่อรับการตรวจ เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลเพื่อออกไปรับประทานอาหาร โดยที่เห็นว่าตนเองไม่มีไข้ จึงไม่ได้เดินทางกลับไปยังโรงพยาบาลนั้นอีก
สถานทูตฯ ได้ติดต่อประสานกับชายคนดังกล่าวแล้ว ได้รับยืนยันว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีการตรวจโควิด-19 ตามรายงานข่าว และยินดีให้ความร่วมมือในการกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบัน ตนไม่ได้มีอาการไข้หรืออาการป่วยอื่น ๆ แล้ว
อย่างไรก็ดี สถานทูตฯ ได้แนะนำให้ชายคนดังกล่าวเดินทางกลับไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลวิลกินส์อีกครั้ง โดยชายคนดังกล่าวได้ไปพบแพทย์แล้วในช่วงบ่ายวานนี้ (10 มี.ค.) พร้อมกับเผยผลการตรวจปรากฏว่า ไม่ได้ติดเชื้อโควิด และแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว