นายกฯเตือน อย่าตื่น! ตุนอาหาร
เผยเตรียมมาตรการรองรับหากโควิด-19 เข้าสู่ระยะ 3 พร้อมเตรียมจัดหาโรงพยาบาลเปิดเป็นศูนย์เฉพาะกิจรักษาโดยเฉพาะ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ว่า ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบจำนวนหน้ากากอนามัยทั้งหมด ทั้งนำเข้าและส่งออกว่ามีจำนวนที่เพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกันสั่งให้เพิ่มสายการผลิตในโรงงานต่างๆ แต่ขอเวลาสักระยะในการบริหารจัดการ พร้อมกับระสานเรื่องวัตถุดิบที่นำมาผลิตหน้ากากอนามัยที่สั่งจากประเทศจีนอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการพัฒนาหน้ากากอนามัยทางเลือก ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจว่าจะต้องจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรที่มีความเสี่ยงก่อน
นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตามและหารือการเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 ว่าจะต้องวางแผนรองรับกับสถานการณ์ด้านใดบ้าง เช่น ฝ่ายความมั่นคง จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายใดเพิ่มเติมในการควบคุมสถานการณ์ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องเตรียมการรับคนไทยกลับ แต่ทั้งนี้จะพิจารณากฎหมายใดเพิ่มเติมนั้น ต้องดูผลกระทบให้รอบด้าน ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และสุขภาพที่สำคัญที่สุด โดยการจะยกระดับมาตรการนั้น นายกรัฐมนตรี จะรับฟังความคิดเห็นจากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่ได้ร่วมมือกันทำงาน
ขณะเดียวกันก็ได้มอบแนวทางให้จัดเตรียมหาโรงพยาบาล เพื่อเป็นการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ โดยเปิดเป็นศูนย์เฉพาะกิจ หากสถานการณ์เข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งอาจจะใช้โรงพยาบาลที่ก่อสร้างใหม่และยังไม่มีการเปิดใช้ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ทุกด้าน ตามที่ร้องขอ
นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกเร่งกักตักตุนอาหาร อย่ากลัวถึงขั้นนั้น เพราะขณะนี้มีมาตรการออกมาตามลำดับ ทั้งเรื่องของการติดตามตัวโดยใช้แอพพลิเคชั่น และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเปิดให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีภายใน 72 ชั่วโมง หากพบว่ามีอาการ
ส่วนการเสนอให้ปิดสถานบันเทิงนั้น นายกรัฐมนตรี บอกว่า กำลังพิจารณาอยู่ หากขอความร่วมมือได้ ก็อยากให้ร่วมมือ แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องปิด ก็ต้องปิดทั้งหมด รวมถึงสนามกีฬา และสนามมวยด้วย แต่อย่ามากล่าวหาว่ารัฐบาลทำงานช้า เพราะ รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาทั้งหมด ยืนยันมีมาตรการที่ดำเนินการตามระบบ ต้องดูแลทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเที่ยวบินลดจำนวนลง รวมถึงมีคนเดินทางเข้าประเทศลดลงเช่นกัน และหลังจากนี้ตนจะพูดน้อยลง “หากพูดเยอะจะกลายเป็นหมอตู่”