สธ.เตรียมเสนอบังคับใช้กม.ปิดพื้นที่เสี่ยงป้องกันโควิด-19
สธ.พบผู้ป่วยยืนยันติดโควิด-19 เพิ่ม 32 ราย เล็งบังคับใช้กม.ปิดพื้นที่เสี่ยง พื้นที่แออัด สถานบันเทิง ย้ำประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด สรุปมาตรการเสนอนายก 16 มี.ค.นี้
พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 32 ราย
วานนี้ (15มีนาคม 2563) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19(COVID-19)ว่ามีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 32 ราย ที่มีความสัมพันธ์กับสถานที่ต่างๆ ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เชื่อมโยงกับสนามมวย จำนวน 9 ราย กลุ่มที่ 2 เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง จำนวน 8 ราย กลุ่มที่ 3 ทำงานสัมผัสกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวน 3 ราย กลุ่มที่ 4 ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ จำนวน 7 ราย กลุ่มที่ 5 เป็นผู้สัมผัสเจ้าของร้านอาหารที่ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย และกลุ่มที่ 6 อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนโรค จำนวน 3 ราย และยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 51 ราย
ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น. พบว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 76 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่มได้อีก 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปี และหญิงไทย อายุ 22 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร รวมกลับบ้านแล้ว 37 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 114 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 14 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 6,176 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 258 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 5,918 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 4,223 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,953 ราย
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกใน 147 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 15มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 155,817 ราย เสียชีวิต 5,814 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,824 ราย เสียชีวิต 3,189 ราย นอกจากนั้น พื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้รับผู้เดินทางจากประเทศอิตาลี จำนวน 83 คน ประกอบด้วย นักศึกษาแลกเปลี่ยน 78 คน นักท่องเที่ยว 3 คน พนักงานสายการบิน 2 คน ในจำนวนนี้ 6 คน เป็นผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังสังเกตอาการ เนื่องจากมีอาการไอ มีน้ำมูก ไม่มีไข้ ส่งไปรพ.สัตหีบกม.10 จำนวน 3 ราย รพ.บ้านฉาง 1 ราย รพ.มาบตาพุด 1 ราย และรพ.ระยอง 1 ราย ส่วนผู้เดินทางอีก 77 คน ส่งไปพักสังเกตอาการที่อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนครบ 14 วัน
บังคับใช้กฎหมายปิดพื้นที่เสี่ยง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าภาพโดยรวมจะเห็นว่าเราพบผู้ป่วย 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศและมีการเจ็บป่วย รวมถึงคนในครอบครัวของกลุ่มนี้ และ2.กลุ่มคนที่ไปสัมผัสชาวต่างประเทศ หรือคนป่วย และมีการแพร่โรคผ่านกิจกรรมที่มีความสัมผัสใกล้ชิด
ดังนั้น สิ่งที่ได้ดำเนินกาเรียบร้อยหลังจากได้มีการรับทราบ คือ ขณะนี้ได้มีการให้สถานบันเทิง ผับ มากกว่า 10 แห่ง หยุดการดำเนินการ และทำความสะอาดไม่น้อยกว่า 3 วัน รวมถึงมีการบังคับใช้กฎหมายในมาตรการปิดพื้นที่ดังกล่าวจนกว่ามีการเปลี่ยนแปลง
“การประกาศปิดสถานที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงนั้น สามารถทำได้ตามข้อกฎหมาย เพื่อเป้นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะตอนนี้ต่างจากช่วยแรกที่พบผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ และมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น มาตรการทางการแพทย์ รวมถึงแนวปฎิบัติต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรค”นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สธ.ได้มีการควบคุมผู้ป่วยในสถานพยาบาลเพื่อไม่ให้แพร่กระจายโรค แต่ด้วยโควิด-19 ผู้สัมผัสส่วนใหญ่มักจะมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการในเบื้องต้น ดังนั้น อยากฝากประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากไปในสถานที่แออัด ประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือต้องอยู่ทำงานในพื้นที่สาธารณะ ทำงานที่ต้องเจอผู้คนจำนวนมาก อยากให้ดูแลตัวเอง และหากมีอาการป่วย ไม่สบาย ควรหยุดทำงานและกักตัวเองไว้ที่บ้าน และหากสงสัยว่าเป็นโควิด-19 ขอให้เร่งมาตรวจที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อสรุปเสนอต่อคณะกรรมการโควิด-19แห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 มีนาคม 2563
แผนที่โควิด-19 สร้างตระหนักประชาชนดูแลตัวเอง
นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากการที่เจอผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่.และเจอผู้ป่วยในกทม.มากขึ้น ทำให้สธ.ต้องเพิ่มความเร็วในการคัดกรองให้มากขึ้น เพราะมีคนไข้หลุดมือไปจำนวนหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้มาก อย่าง กรณีสนามมวย หรือผับต่างๆ ดังนั้น ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของสธ.ที่ต้องควบคุมป้องกัน และคัดกรองผู้ป่วยให้เจอได้เร็วที่สุดๆ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของภาคประชาชน ผู้ป่วย ผู้สัมผัสร่วมด้วย ถ้ามีอาการ ขอให้รีบไปโรงพยาบาล และหลีกเลี่ยงการไปแพร่โรคกับผู้อื่น
ส่วนการจัดทำแผนที่สถานที่ต่างๆโรคโควิด-19 เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนในการดูแลตัวเอง เพราะความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากัน และธรรมชาติในการใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมือนกัน เนื่องจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้คน และการไปอยู่ในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น แผนที่ดังกล่าวจะเป็นการช่วยให้ทุกคนประเมินตัวเองว่าแถวบ้านของเรามีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหย มีโอกาสในการติดเชื้อมากน้อยขนาดไหน และสิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ การปฎิบัติตัว กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ
“การจัดทำแผนที่สถานที่ต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 นั้น เป็นแผนตั้งแต่แรกในการจัดการแก้ปัญหา และตอนนี้เมื่อมีการเจอผู้ป่วยขนาดใหญ่มากขึ้น ก็ต้องปรับเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ขอยืนยันว่าโควิด-19 ผู้ป่วย 80 % จะมีอาการไม่มาก ถ้าเป็นหวัด ไม่สบาย ควรไปโรงพยาบาล และไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแลง เพราะหากทุกคนดูแลตัวเองได้ดี”นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าว
รวมถึงต้องวางแผนชีวิตของเราให้ดีๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่สาธารณะ เช่น จากเดิมเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าทุกวัน ก็เปลี่ยนไปซื้อของสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เราต้องมองว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร ซึ่งไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหาร หรือสินค้าอะไร เพียงแต่ต้องลดความเสี่ยงของตนเองในการไปสถานที่ต่างๆร่วมด้วย