"พล.อ.ประยุทธ์" เผย "ปชช." คืนตั๋วเดินทางช่วง "สงกรานต์" ได้ โดยไร้ค่าธรรมเนียม หลัง "ครม." มีมติเลิกเป็นวันหยุด ระบุ "คลัง" จ่อชง "ครม." สัปดาห์หน้า ออกมาตรการช่วย "ลูกจ้าง" หลังปิด สถานบันเทิง "อนุทิน" ยัน ไม่ปิด "กทม." สู้ "โควิด-19"
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 เวลา 14.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ทางการได้พูดมาหลายครั้งแล้วว่าเรามีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ในส่วนของการยกเลิกวันหยุดในช่วงสงกรานต์นั้น ตนได้ปรึกษากับทางรมว.คมนาคมแล้ว ในส่วนของการเลื่อน การจองตั๋วต่างๆ ก็สามารถคืนตัว หรือเลื่อนตั๋วได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของการปิดสถานบันเทิง การช่วยเหลือดูแลลูกจ้างนั้น ทางกระทรวงการคลัง กำลังจะมีการเสนอมาตรการเข้าสู่ครม.ในสัปดาห์หน้า ก็ต้องมีการดูแลในส่วนเหล่านี้ด้วย ส่วนงานเลี้ยง การพบปะต่างๆนั้นถือว่าก็ต้องดำเนินการตามที่กำหนดมาเป็นระยะๆ บางอย่างก็เกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของตัวเองที่จะต้องเข้ารับการตรวจต่างๆ มาตรการกักตัวขณะนี้หลายคนก็กักตัวอยู่ที่บ้าน สำหรับเรื่องของสภาก็เป็นเรื่องของสภา
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ยกระดับ ไม่สะท้อนข้อมูลที่แม้จริงนั้น เรื่องนี้เราต้องฟังทางแพทย์ว่าสถานการณ์จะเข้าเกณฑ์เมื่อไร อย่างไร แต่ยืนยันว่าเรามีมาตรการรองรับอยู่แล้วในทุกมิติ เราต้องเชื่อหมอ เชื่อสาธารณสุขของเราและทำตามคำแนะนำมาตรการต่างๆ ของรัฐ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวเสริมข้อมูลถึงกรณีที่มีข่าวแพร่ตามสื่อโซเชียลฯต่างๆ ว่ามีการประกาศปิดกทม.และปริมณฑล จนแตกตื่นกันไปทั่วว่า ไม่ได้ใช้คำว่าปิด แต่เป็นการควบคุมระดับที่เข้มข้น มีวิธีการ มีมาตรการต่างๆ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอ ซึ่งวันบ่ายนี้ตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ และนำมาตรการต่างๆที่กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอต่อครม.และได้รับการเห็นชอบโดยการปรับปรุงบ้างเล็กน้อยออกมาเป็นมาตรการให้ผู้ที่จะบังคับใช้กฎหมายนำไปปฏิบัติามพรบ.โรคติดต่อมาตรา 35
เมื่อถามว่าการปิดสถานที่ต่างๆ ตามที่กำหนดมานั้น จะปิดจำนวนกี่วัน นายอนุทิน กล่าวว่า บางอย่างก็ภายในระยะ 14 วัน บางอย่างก็จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เป็นการที่เราคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชน ความถูกสุขอนามัยของประเทศเป็นหลัก