ทศภ.แจงคัดกรองเข้มงวด จ่อเอาผิดคนปล่อย Fake News
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยัน หนุ่มไทยกลับจากสเปน ผ่านจุดคัดกรองแล้ว 2 จุด แต่ผ่านได้อย่างสบายเพราะไม่มีไข้ วอนอย่าสร้างความตื่นตระหนกให้สังคม เตรียมดำเนินคดีฐานปล่อย Fake News ส่วนผลตรวจพนักงานทำความสะอาดฟุบในสนามบิน ไม่ติดเชื้อโควิด-19
ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำโดย นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสายปฏิบัติการ นายปฎิคม วิวัฒนานนท์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ผู้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมรายงานสถานการณ์การคัดกรองผู้โดยสาร ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19
โดย นายกิตติพงษ์ ยืนยันว่า ผู้โดยสารคนทุกคนได้ผ่านจุดตรวจ หรือ จุดคัดกรองที่มีเครื่องเทอร์โมสแกนของเจ้าหน้าที่ ตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไวรัสโควิด -19 แต่ที่ผ่านไปได้ เพราะตัวผู้โดยสารเองไม่มีไข้ รวมทั้งประเทศต้นทางที่เดินทางมายังประเทศสเปนไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยง 4 + 2 ตามที่ออกประกาศไว้ จึง ไม่จำเป็นต้อง
ซักถามข้อมูลหรือตรวจเพิ่มเติม
นายกิตติพงษ์ ระบุว่า การโพสต์ดังกล่าว สร้างความเสียหายให้ส่วนราชการหลายภาคส่วนมาก อาจจะมีการดำเนินคดี หรือร่วมกันดำเนินคดี ในส่วนที่มีความเสียหาย ฐานโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จลงสู่คอมพิวเตอร์ และสร้าง FakeNews ทำให้สังคมตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อผู้โพสต์แต่ติดต่อไม่ได้ ยืนยันว่าการที่โพสต์ว่ามีผู้โดยสารเดินทางเข้ามา500-600คน สบาย ก็ไม่เป็นความจริง ปัจจุบันผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เดินทางเข้ามา พร้อมกัน 500-600 แทบจะไม่มี บางเที่ยวบินมีผู้โดยสารเพียงหลักสิบ
นายปฎิคม วิวัฒนานนท์ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ระบุว่า การผ่านเทอร์โมแสกนในเบื้องต้น ขอแสดงยินดี ที่ผ่านการตรสอบตามเกณฑ์ที่วางไว้ แต่สำหรับคนที่อุณหภูมิไม่ถึง 37.4 องศา แล้วเครื่องไม่แจ้งเตือนด้วยสีและแสง ก็จะไม่ถูกเรียกตรวจสอบ ยืนยันว่าการใช้เทอร์โมสแกนเพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายในสนามบินการเดินผ่านออกมาได้ แต่ผู้ที่ผ่านเครื่องมือตรวจสอบมาได้แล้วเดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็ควรตระหนักและมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการตรวจสอบสุขภาพของตัวเองและเมื่อกลับมาจากประเทศเสี่ยงก็ควรกักตัวเอง 14 วัน ขณะที่วานนี้วานนี้ การคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในไทยได้กักตัว ผู้โดยสารชาวต่างชาติ 2 ราย ที่เดินทางเข้ามา และมีประวัติอยู่ในเรือสำราญไดมอนด์ปริ้นเซส และเรือสำราญเวสเตอร์ดาม เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ เพื่อความปลอดภัย