บล.เอเซีย พลัส ปรับลดเป้า GDP Growth ปีนี้เหลือติดลบ 1.4%
บล.เอเซีย พลัส ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 63 เหลือหดตัว 1.4% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดขยายตัว 1.6% เหตุผลกระทบโควิด-19 ฉุดส่งออก-การลงทุนภาคเอกชนสะดุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่านับจากตั้งแต่ต้นปีมาบล.เอเซีย พลัสได้ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth มาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อสะท้อนผลกระทบต่างๆที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ฝ่ายวิจัยฯได้ปรับลดประมาณการลงอีก โดยน้ำหนักรอบนี้มาจากเรื่องของ COVID-19 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจไทย พบว่า มีหลายปัจจัยที่รุมเร้า ทั้งจากปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยภายใน เพื่อสะท้อนปัจจัยลบทำให้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 63 เหลือหดตัว 1.4% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดขยายตัว 1.6%
โดยการปรับลด GDP Growth ครั้งนี้อยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่า COVID-19 จะสามารถควบคุมได้ ในไตรมาส 3/63 นี้ โดยมีการปรับลดสมมติฐานหลักๆสำคัญ ได้แก่1.ส่งออก (X) และนำเข้า (M) ในรูปดอลลาร์ ปรับลงเหลือ หดตัว 5.5% และหดตัว 6% ตามลำดับแม้ว่าส่งออกงวด 1 เดือนแรกปีนี้ จะขยายตัวได้ 3.5% แต่เดือนม.ค.ที่ขยายตัวมาจากส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้น หากตัดทองคำออกจะส่งออกติดลบ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ส่งออก(X) ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะกระทบจากทั้ง COVID-19 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกทั้งฝั่งยุโรป เอเซีย และอื่นๆ ต้องยกระดับควบคุมการแพร่ระบาด เช่น การปิดประเทศ, ปิดกั้นพรมแดน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้า,การขนส่งชะลอลง
ขณะที่ประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันดิบที่ต่ำ หลุด 30 เหรียญ จะกระทบส่งออก เนื่องจากไทยมีการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันราว 10% ของการส่งออกรวม เช่นเดียวกับฝั่งนำเข้าที่คาดภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและทำให้เอกชนชะลอการนำเข้าสินค้า สะท้อนได้จากการบริโภคครัวเรือนคาดหดตัว 1.3% ผลจากภัยแล้งหนักสุดในรอบ 40 ปี ส่วนนักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้าไทยกระทบการจับจ่ายใช้สอย , การปิดสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน ,ประชาชนไม่ออกจากบ้านจากความกังวล COVID-19 และที่สำคัญคือ มาตรการคลังของภาครัฐยังไม่มีมาตรการที่แรงพอจะพยุงเศรษฐกิจ
ส่วน2.การลงทุนภาคเอกชนคาดหดตัว 2.5% จากนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน หลังจากหลายประเทศที่ปิดประเทศ จากเรื่องของ COVID-19และ3.ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดเหลือ 40 เหรียญฯ จากเดิม 60 เหรียญฯ ขณะที่สมมติฐานอื่นๆยังคงเดิม เช่น การใช้จ่ายภาครัฐ(G) คาดโต 2.5% และการลงทุนภาครัฐ คาดโต 2% ซี่งยังมองว่ามีความเป็นไปได้ เห็นได้จากงบประมาณปี 63 หลังจากที่ผ่านเดือนมี.ค.63 เริ่มเห็นรัฐเริ่มเร่งเบิกจ่าย แต่ก็เน้นไปที่โครงการลงทุนขนาดเล็กมากกว่า
อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้ว GDP Growth ฝ่ายวิจัยฯคาด GDP Growth หดตัว 1.4% เทียบกับหน่วยงานอื่น เช่นหน่วยงานเอกชนหลายแห่ง คาดอยู่ในช่วงหดตัว 0.3% จนถึงหดตัว 0.8% ขณะที่หน่วยงานของรัฐคาดขยายตัว 1.1-2 % ซึ่งคาดว่าในอนาคตหน่วยงานรัฐจะมีการปรับลงตามแน่นอน