คนแห่กักตุนสินค้า ตื่นกระแส 'ปิดเมือง'
ภายหลังมีข่าวแพร่สะพัดว่าจะมีการปิดสถานที่กิจการหลายอย่าง โดยแม้ผู้ว่าฯ กทม. จะยืนยันให้ห้างร้านที่ขายอาหาร และสินค้าจำเป็นยังคงเปิดขายได้ แต่ประชาชนก็ยังตื่นตัวออกมาซื้อของเพื่อกักตุนมากในบ่ายวันนี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณห้างแม็คโคร สาขาศรีนครินทร์ หลังกรุงเทพมหานคร สั่งปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่ม 22 วัน เริ่ม 22 มีนาคม-12 เมษายน 2563 เว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารขายได้เฉพาะหิ้วกลับบ้าน นั้น ได้มีประชาชนเดินทางมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก
โดยทางห้างได้นำเครื่องตรวจคัดกรองวัดไข้มาตรวจลูกค้าที่เดินเข้า เมื่อทำการตรวจสอบบริเวณจุดวางสินค้าทั้งสินค้าอุปโภค และบริโภค อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสาร น้ำดื่ม ไข่ไก่ กระดาษชำระ กันเป็นจำนวนมาก จนทำให้จุดวางสินค้าโดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเริ่มขาดแคลน ตลอดจนทำให้บริเวณจุดขำระเงินเริ่มมีแถวยาว
ขณะเดียวกันบริเวณลานจอดรถของห้างเต็มไปด้วยรถของลูกค้าที่มาเลือกซื้อสินค้า กระทบถึงถนนศรีนครินทร์ บริเวณด้านหน้าห้างฯ ฝั่งขาเข้าและขาออกเริ่มติดขัด
เช่นเดียวกันกับบรรยากาศที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัลพระรามเก้า ที่มีบรรยากาศไม่ต่างกัน คือเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายสินค้าเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายคมสัน ขวัญใจธัญญา รักษาการประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้กล่าวยืนยันถึงความกังวลว่า สินค้าจะขาดแคลนว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอาหาร มีการผลิตอาหารเพียงพอ อย่างข้าวมีการผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ 7.2 ล้านตัน และสามารถเก็บสต็อกไว้บริโภคได้ทั้งปี ส่วนอาหารเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศไม่น้อยกว่า 3 เดือน ขณะที่อาหารสำเร็จรูปยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ประมาณ 60 - 70%
อย่างกรณีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามารถเพิ่มการผลิตได้อีกอย่างน้อยวันละ 5 ล้านซองจากที่ปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 10 ล้านซอง ซึ่งถือว่าสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าจะไม่ขาดแคลนแม้ประชาชนจะมีความต้องการบริโภคมากขึ้น
โดยในช่วงที่มีความต้องการสินค้าเป็นจำนวนมากก็จะมีการเก็บสต็อกสินค้าเพิ่มเป็น 3 เท่าเพื่อให้สามารถจัดสินค้าขึ้นสู่ชั้นวางได้ภายใน 6 - 12 ชั่วโมง