ช็อก! ‘ดิบาลา-มัลดินี’ ยืนยันติดโควิด-19
ข่าวช็อกล่าสุดสำหรับวงการฟุตบอลอิตาลี เมื่อ “เปาโล ดิบาลา” กองหน้าของยูเวนตุส และ “เปาโล มัลดินี” ตำนานนักเตะของเอซี มิลาน ประกาศในวันเดียวกันว่าป่วยโรคโควิด-19 แต่ทั้งคู่ได้กักตัวเองตั้งแต่ก่อนรู้ผลตรวจ
เปาโล ดิบาลา นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาของสโมสรยูเวนตุส ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียทั้งทวิตเตอร์และอินสตาแกรมเมื่อวันเสาร์ (21 มี.ค.) ว่า เขาและโอเรียนา ซาบาตินี (แฟนสาว) กำลังป่วยโรคโควิด-19 แต่สุขภาพพวกเขาตอนนี้ยังแข็งแรงดี
“สวัสดีทุกคน ผมต้องการแจ้งให้ทราบว่าเราได้รับผลตรวจโรคโควิด-19 แล้ว โอเรียนาและผมมีผลตรวจเป็นบวก” ดาวเตะวัย 26 ปีโพสต์ “โชคดีที่เรายังสบายดีมากๆ ขอบคุณสำหรับข้อความให้กำลังใจของคุณ”
Hi everyone, I just wanted just to inform you that we have received the results for the Covid-19 test and both Oriana and I have tested positive. Luckily we are in perfect conditions. Thanks for your messages.
— Paulo Dybala (@PauDybala_JR) March 21, 2020
สโมสรยูเวนตุสแถลงว่า ดิบาลากักตัวเองตั้งแต่วันพุธ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา เขาจะได้รับการตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่องและตอนนี้เขายังแข็งแรงดีและยังไม่แสดงอาการป่วย
ดิบาลานับเป็นแข้งรายที่ 3 ของยูเวนตุสที่ป่วยโควิด-19 ต่อจากเพื่อนร่วมทีมอย่างดานิเอเล รูกานี กองหลังชาวอิตาลี และแบลส มาตุยดี มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส
ขณะที่สโมสรเอซี มิลาน แถลงผ่านเว็บไซต์ยืนยันว่า เปาโล มัลดินี ตำนานนักเตะซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคเทคนิคของสโมสร และดาเนียล บุตรชายของเขา ได้รับผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก
“มัลดินีรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับบุคคลที่ถูกตรวจพบโรคโควิดในภายหลัง จนเขาเริ่มแสดงอาการป่วย จึงได้ไปตรวจโรคและผลออกมาเป็นบวก” แถลงการณ์ของเอซี มิลานระบุ “ส่วนดาเนียล มัลดินี บุตรชายวัย 18 ปี ซึ่งเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรและร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ก่อนหน้านี้ ก็มีผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ทีมปิศาจแดงดำ เผยว่า ตำนานกองหลังและบุตรชายได้กักตัวมา 2 สัปดาห์แล้ว ก่อนจะถูกตรวจพบว่าติดเชื้อในสัปดาห์นี้ และจะกักตัวต่อไปจนกว่าจะหายป่วยในที่สุด
การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ต้นตอโรคโควิด-19 ของคนดังในวงการฟุตบอลอิตาลีมีขึ้นในช่วงสถานการณ์ในประเทศเข้าขั้นวิกฤติ มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 800 คนในวันเดียว รวมเป็น 4,825 คนและผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นกว่า 53,000 คนแล้ว (นับถึงวันที่ 21 มี.ค.)