'พลังงาน' รื้อแผนรับโควิด เลื่อนอี20-ประมูลปิโตรฯ
“พลังงาน” ปรับแผนรับมือโควิด-19 เลื่อนประมูลสำรวจปิโตรเลียม เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชนเพิ่มรายได้ฐานราก ด้าน กบน. ลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯกับน้ำมันทุกชนิด พร้อมลดราคาแอลพีจี ช่วยลดภาระประชาชน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจเลื่อนประกาศเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ 23 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดให้ยื่นขอสิทธิฯในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากหากเปิดประมูลตามแผนเดิม จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วมประมูลได้ อีกทั้ง และอาจเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงมาก หากเปิดประมูลช่วงนี้ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐปรับลดลงด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังเลื่อนแผนประกาศส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน จากเดิมที่จะประกาศในช่วงครึ่งปีหลังออกไปก่อนเนื่องจากขณะนี้มีความต้องการใช้เอทานอลทางการแพทย์มากกว่า ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมประสานงานกับกรมสรรพสามิต เพื่อขอปลดล็อคข้อกฎหมายในการเปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์ 70% จากโรงงานเอทานอล เพื่อให้ประชาชนสามารถมาขอซื้อแอลกอฮอล์มาผสมเป็นเจลล้างมือได้ ซึ่งจะช่วยให้ราคาแอลกอฮอล์ถูกลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จะเดินหน้าอย่างเต็มที โดยคาดว่าจะเปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นเสนอโครงการฯได้ในช่วง กลางเดือน เม.ย.นี้ เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนลงไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) มีมติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันทุกชนิดลง 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น ดีเซล บี 20 ลดจัดเก็บลง 25 สตางค์ต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี85 จัดเก็บเพิ่ม 25 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดจะลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น ดีเซล บี20 ลดลง 25 สตางค์ต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี85 ราคาเพิ่มขึ้น 25 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.2563 เป็นต้นไป
โดยการลดเก็บเงินดีเซล บี20 ลงในระดับดังกล่าว จะส่งผลให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างดีเซล บี10 และดีเซล บี20 แคบลง จากเดิม 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 25 สตางค์ต่อลิตร เพื่อส่งเสริมการใช้ดีเซล บี10 ให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะที่การลดอุดหนุนแก๊สโซฮอล์ อี85 ลง เพื่อต้องการใช้ประชาชนลดการใช้เอทานอลลงในช่วงนี้ ที่มีความต้องการใช้เอทานอลทางการแพทย์มากขึ้นเพื่อนำไปผลิตเป็นเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนนน้ำมันฯดังกล่าว เป็นการพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กบน.จึงต้องการบรรเทาผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชน”
นอกจากนี้ กบน.ยังเห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯของก๊าซแอลพีจี จาก 4.9816 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 2.1779 บาทต่อกิโลกรัม หรือ ลดลง 2.8037 บาทต่อกิโลกรัม เป็นการชั่วคราว 3 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) หรือ ก๊าซหุงต้ม ขนาดถึง 15 กิโลกรัม ลดราคาลง 45 บาท จาก 363 บาทต่อถัง เหลืออยู่ที่ 318 บาทต่อถัง มีผลตั้งแต่ 24 มี.ค.2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ จะมีการประชุม กบง. เพื่อพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถทั่วไป หลังจากที่ได้ขอความร่วมมือบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ให้คงราคาขายปลีก NGV ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม จะลดลง 3 บาทต่อกิโลกรัม เหลืออยู่ที่ 10.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19