ศาลแขวงปทุมวัน พิพากษากักขังหนุ่มป้ายน้ำลาย ในลิฟต์บีทีเอส 15 วัน
ศาลแขวงปทุมวัน พิพากษาให้ลงโทษหนุ่มป้ายน้ำลาย ในลิฟต์สถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬา ให้กักขัง 15 วัน ในสถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี
จากกรณีมีชายไทยป้ายน้ำลายตามตำแหน่งต่างๆ ในลิฟต์สถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬา และปรากฏภาพตามสื่อสังคมออนไลน์เป็นวงกว้าง สร้างความวิตกให้กับพี่น้องประชาชนในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มี.ค.63 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้เชิญนายผู้ต้องหาไปยัง รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 รวมทั้งตรวจสุขภาพจิต และได้นัดให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (24 มี.ค.63) พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด 19 จากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมทั้งผลตรวจสุขภาพจิต จากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งผลปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 และเป็นผู้มีสุขภาพจิตปกติ จึงได้เชิญตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการ เพื่อทำการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องศาลแขวงปทุมวัน ให้ลงโทษในข้อหา “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ของแข็งตกลง ณ ที่ใด ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นอันตรายหรือเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคล หรือเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อนหรือน่าจะเปรอะเปื้อน ตัวบุคคล หรือทรัพย์ หรือแกล้งทำให้ของโสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 389
โดยในท้ายคำฟ้อง พนักงานอัยการฯ ได้ขอศาลได้โปรดลงโทษในอัตราสูงสุด เนื่องจากในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งผู้กระทำผิดจะต้องมีความตระหนักถึงความปลอดภัยของส่วนรวม และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโดยเคร่งครัด
โดยศาลแขวงปทุมวันพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 15 วัน โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ณ สถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี