รัฐใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งด่านตรวจเข้มรอยต่อจังหวัดหวังลดการเคลื่อนย้ายปชช.

รัฐใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งด่านตรวจเข้มรอยต่อจังหวัดหวังลดการเคลื่อนย้ายปชช.

"บิ๊กตู่" มีอำนาจมากขึ้น หลังพ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้บังคับ เผย "ตั้งด่าน" ตรวจเข้ม รอยต่อจังหวัด หวัง ลดการเคลื่อนย้าย ปชช.

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกลาโหม เป็นประธาน ได้กล่าวช่วงแรกในการประชุมว่า วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ใจถึงใจ เพราะครม.ทำงานร่วมกันมานาน จากนั้น เมื่อถึงช่วงท้ายการประชุมนายกฯ ได้กล่าวขึ้นว่า วันนี้ตนก็ขออำนาจ ครม.เพื่อประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะขณะนี้สถานการณ์มีความจำเป็น จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เมื่อประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วนายกฯจะมีอำนาจมากขึ้นในการประกาศหรือทำอะไร หรือแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ อำนาจอยู่ที่นายกฯไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอมติครม.และไม่ใช่เป็นการปิดเมือง ปิดจังหวัด ปิดประเทศ เพราะคนไทยยังต้องเดินทางกลับมา โดยที่ประชุมทุกคนเห็นด้วย

จากนั้น นายกฯ สอบถามที่ประชุมว่าใครมีอะไรจะพูดหรือไม่ โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ระบุว่า อยากให้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียง 1 เดือนก่อน แม้อำนาจการประกาศจะมีถึง 3 เดือนก็ตาม โดยมาตรการเบื้องต้นในการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะพยายามหยุดการเคลื่อนย้ายของผู้คนให้อยู่กับบ้านให้มากที่สุด ทั้งข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน ควบคู่มาตรการทำงานเหลื่อมเวลา ส่วนมาตรการเปิด-ปิดสถานที่เสี่ยงยังคงเป็นไปตามประกาศของผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด และยังคงผ่อนผันให้เปิดตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และสถาบันการเงิน เป็นต้น ขณะที่การเดินทางของประชาชนนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจโดยเฉพาะรอยต่อของแต่ละจังหวัดอย่างเข้มข้น