'พาณิชย์'จ่อออกประกาศงดส่งออกไข่ไก่แก้ปัญหาขาดแคลนในประเทศ
พาณิชย์เตรียมออกประกาศห้ามส่งไข่ไก่ออกนอกประเทศ แก้ขาดแคลนช่วงสถานการณ์โควิด-19 "จุรินทร์" ขู่ใช้กฎหมายเอาผิดคนกักตุน-ขายเกินราคา ระบุโทษหนักจำคุก 1 ปีปรับ 1.4 แสนบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19) หรือ"ศูนย์บริหารสถานการโควิด19" ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานว่าเพื่อแก้ไขปัญหาไข่ไก่ขาดตลาดในช่วงที่มีการเกิดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และมีการออกมาตรการป้องกันแก้ไขที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลทำให้ประชาชนมีการรีบไปซื้อสินค้าบางชนิดรวมทั้งไข่ไก่จนทำให้ความต้องการไข่ไก่เพิ่มขึ้น 2 - 3 เท่าในช่วงนี้
กระทรวงพาณิชย์จะได้ ออกประกาศห้ามส่งออกไข่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถาานการณ์จะดีขึ้น และให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (26 มี.ค.) เป็นต้นไป และให้ทดลองมาตรการเป็นเวลา 7 วันก่อน และหากสถานการณ์ไข่ไก่ขาดตลาดยังไม่ดีขึ้นก็จะมีการขยายเวลา และมีมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยไม่ให้กรมปศุสัตว์ ออกใบอนุญาตในการส่งออกให้ด้วย เพื่อให้ประชาชนมีเพียงพอในการบริโภคในประเทศ โดยงดการส่งออกในช่วงนี้ไปก่อน
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่ามาตรการของกระทรวงพาณิชย์จะไปดูไม่ให้ขายเกินราคา เพราะปัจจุบันมีการไปตรวจสอบแล้วว่าราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ประมาณ 2.80 - 2.90 บาทต่อฟอง การที่จะขายไปถึงปลายทางไม่ควรเกิน 3.30 - 3.50 บาทต่อฟอง แต่หากจำหน่ายในราคาสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นก็จะมีการดำเนินการข้อหาค้ากำไรเกินควร ซึ่งโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขอให้กระทรวงมาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกิี่ยวข้องไปช่วยกวดขันและจับกุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ทั้งในเรื่องของการจับปรับการกักกุตและการค้ากำไรเกินควร และมีการจับกุมดำเนินคดีแล้วใน จ.พิษณุโลก โดยจับร้านค้าที่มีการขายไข่ไก่เกินราคา เนื่องจากขายถึงฟองละ 4.40 บาทซึ่งแพงเกินควร
“เราจะจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่ขายราคาเกินควร เพราะขณะนี้โรคระบาดก็ทำให้เกิดความลำบากมากอยู่แล้ว ค้ากำไรเกินควรเท่ากับซ้ำเติมสถานการณ์ หากมีเบาะแสสามารถแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้”