เปิดไทม์ไลน์รักษาโควิด หายแล้วทำงานได้แต่ต้องแยกตัวเฝ้าระวังต่อจนครบ 1 เดือน
"4-5 วันนี้ ไม่จำเป็น ไม่ต้องออกจากบ้าน"
ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข -31 มี.ค.63 เวลา 13.00 น. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า ในวันนี้แม้ประเทศไทยจะมีผู้ปวยใหม่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้สูงเกินความคาดหมาย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 8 % ขณะที่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาหายดีกลับบ้านได้เกือบ 100 ราย สถานการณ์ในขณะนี้แม้มีปัญหาโควิด-19 แต่คนไทยให้ความร่วมมือเว้นระยะห่างทางสังคมมากถึง 70% แต่ขอให้เพิ่มเป็น 90% ให้ได้เพื่อให้ระบบสาธารณสุขเพียงพอรองรับผู้ป่วย แม้กราฟของไทยจะดูดีกว่าประเทศอื่นๆในอาเซียน ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุม ปิดสถานที่เสี่ยงใน กทม.และต่างจังหวัด แต่ก็ยังวางใจไม่ได้หากเราช่วยกันปรับพฤติกรรม ในช่วง 4-5 วัน ไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน อย่าจัดสังสรรค์ปาร์ตี้ เราจะไม่ไปถึงแบบอเมริกาหรือยุโรป
สำหรับผู้ป่วยในไทยเกินครึ่งมีอายุ 20-50 ปี โดยรับเชื้อจากสนามมวยและสถานบันเทิง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคร่วมหรือรับเชื้อในปริมาณมาก จากการเข้าไปอยู่ในที่แคบ ผับบาร์ หรือที่ชุมชน ยิ่งรับเชื้อเข้าไปมากก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง โดยขณะนี้มีมาตรการป้องกันคนต่างชาติไม่ให้เข้ามาในประเทศ ส่วนคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศก็ต้องช่วยกันดูแล ส่วนในเรือนจำมีนักโทษติดเชื้อเพียงรายเดียว เกิดจากการสัมผัสกับตำรวจที่ติดเชื้อ
"จับตากลุ่มส่งอาหารถึงบ้าน ยืนออหน้าร้านโดนปิดแน่"
"วันนี้แม้ประชาชนจะให้ความร่วมมือเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังมีการออกนอกบ้านอยู่ถึง 50% สธ.กำลังเฝ้าดูเป็นพิเศษ ในกลุ่มคนส่งอาหารถึงบ้าน โดยขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานอยู่ห่างกันเกิน 2 เมตร ถ้าสถานประกอบการไม่มีการดูแลมาตรฐาน ปล่อยให้ยืนออหน้าร้าน ไม่ดูแลความสะอาดจะถูกควบคุมเพิ่มเติม หรือถูกปิดร้าน ขอให้ออกบัตรคิวให้เรียบร้อย"นพ.สุขุมกล่าว
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า เรามีตัวเลขจังหวัดที่ปลอดจากผู้ป่วยติดเชื้อในช่วง 7และ 14 วัน รวม 19 จังหวัด บางจังหวัดรักษาจนหายดีกลับบ้านได้ จนไม่เหลือผู้ป่วยติดเชื้อโดยจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 7 วันล่าสุด ประกอบด้วย เพชรบูรณ์ ยโสธร ลพบุรี และสุโขทัย และจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ใน 14 วันล่าสุด ประกอบด้วยกำแพงเพชร ชัยนาท ตราด นครนายก น่าน พังงา พิจิตร ระนอง ลำปาง สกลนคร บึงกาฬ สตูล สมุทรสงคราม อ่างทอง และสิงห์บุรี ความสำเร็จจึงอยู่ที่ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในด้านความจำเป็นเรื่องการรักษาพยาบาล สธ.ได้เตรียมเตียงใน กทม.ไว้กว่า 1,000 เตียง และจัดเตรียมเตียงในโรงแรมและโรงพยาบาลขนาดเล็ก เพิ่มเป็น 2,000 เตียง ขณะที่กทม.มีคนไข้กว่า 700 คน มีทั้งอาการหนักและเบา มีเครื่องช่วยหายใจ 300 เครื่อง ใช้งานจริงเพียง 20 เครื่อง ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดเตรียมไว้หมื่นเตียง เครื่องช่วยหายใจ 1,000 เครื่อง แต่ถ้ามีการเจ็บป่วยหนักพร้อมกัน เครื่องมือที่มีอยู่ไม่เพียงพอแน่นอน ทุกคนจึงไม่ควรซ้ำเติมตัวเองด้วยการออกไปในที่ชุมชน
"กระจายหน้ากากแล้ว 19.59 ล้านชิ้น จ่อวางระบบติดตามออนไลน์"
"เรื่องหน้ากากอนามัยซึ่งได้รับเพิ่มเป็น 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน ได้กระจายไปทั่วประเทศ ส่งผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทยและองค์การเภสัชกรรม และเตรียมวางระบบติดตามหน้ากากอนามัยในระบบออนไลน์ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นจะกระจายให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ยอดรวมตัวเลขการกระจายหน้ากากอนามัยแล้ว 19.59 ล้านชิ้น ทั้งนี้ สธ.วางแผนให้มีสต็อกหน้ากากอนามัยไว้ใช้นาน 1 เดือน"นพ.สุขุมกล่าว
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ส่วนหน้ากากที่กำลังมีปัญหาคือ N95 ซึ่งมีความขาดแคลน ปกติหน้ากากนี้ผลิตโดยบริษัท 3M ของปประเทศสหรัฐอเมริกา มีการสั่งนำเข้าตั้งแต่เดือน ม.ค. จำนวน 2 แสนชิ้น ขณะนี้ได้รับมาเพียง 1.2 หมื่นชิ้น เป็นสภาพขาดแคลนไปทั่วโลก ในไทยประมาณความต้องการใช้ 1.7 ชิ้นต่อวัน หรือ 5 แสนชิ้นต่อเดือน จึงได้สั่งนำเข้าจากรัฐบาลจีน 1 ล้านชิ้น โดยสธ.ได้รับอนุมัติงบกลาง วงเงิน 1,500. ล้านบาท ในการจัดซื้อเวชภัณฑ์และยา สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ ประมาณการว่าในเดือนเม.ย.มีความต้องการใช้ 1 แสนเม็ด และมีแผนการจัดซื้อจากญี่ปุ่นและจีนเพิ่มเป็น 2.3 เม็ด ส่วนสต็อกยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีอยู่เดิม เป็นนำเข้า 4 หมื่นเม็ด กระจายให้รพ. ในกทม. 1.8 หมื่นเม็ด กระจายไปยังรพ.ในต่างจังหวัด 1.8 หมื่นเม็ด ส่วนอีก 4 พันเม็ด สต็อกไว้ส่วนกลาง
"รามาฯ ฆ่าเชื้อN95 ชุดPPE ใช้ซ้ำได้ปลอดภัย"
" สำหรับการรับบริจาคจาก แจ๊ค หม่า พบว่า เป็นการบริจาคหน้ากาก N 95 แบบกันฝุ่น จึงได้มอบให้รพ.ในพื้นที่ภาคเหนือนำไปใช้เพื่อป้องกันฝุ่น ส่วนชุดป้องกัน PPE และหน้ากากอนามัย ได้กระจายไปจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราประมาณการว่า หน้ากาก N95 ต้องขาดแคลน แม้จะหาหน้ากากทดแทนจากจีน และหน้ากากที่ใช้ในอุตสาหกรรมมาประยุกต์ใช้
แต่หากการระบาดควบคุมไม่ได้ จะต้องนำหน้ากากและชุดPPE มาทำความสะอาดแล้วใช้ซ้ำอย่างปลอดภัย ซึ่งวันนี้รพ.รามาธิบดี ได้คิดค้นวิธีกำจัดเชื้อโดยใช้เครื่อง UV-C จำนวน 50 เครื่อง ฉายแสงฆ่าเชื้อ และใช้วิธีดรายฮีตอบด้วยความร้อนสูง 60-75 องศา สามารถจำกัดเชื้อโควิด และโรคซาร์ได้ วิธีการดังกล่าวจะทำให้เรามีอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ เพียงพอในระยะยาว "นพ.สุขุมกล่าว
"หายจากโควิด ทำงานได้แต่ต้องแยกตัวเฝ้าระวังต่อจนครบ 1 เดือน"
ด้านนพ.สกานต์ บุนนาค ผอ. สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กล่าวถึงการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ โดยแบ่งเป็น. 5. กลุ่ม ดังนี้ 1 ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ 2 ติดเชื้ออาการน้อย คล้ายไข้หวัด 3 ติดเชื้ออาการน้อยแต่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีโรคร่วมเบาหวาน ตับแข็ง 4 ปอดบวมอาการไม่รุนแรง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และ 5 ปอดบวมอาการรุนแรง โดย 3 กลุ่มแรก แม้ไม่มีอาการต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 2-7 วัน เพื่อสังเกตุอาการ หากเริ่มมีอาการจะปรับสูตรยาตามความเหมาะสม เพราะในช่วงแรกแม้ไม่มีอาการ แต่ผู้ติดเชื้อสามารถเปลี่ยนเป็นอาการรุนแรงได้ หลังผ่านช่วงสังเกตอาการ อาจให้ไปอยู่ในหอผู้ป่วยหรือโรงพยาบาลเฉพาะกิจ จนครบ 14 วัน เมื่ออาการปกติกลับบ้านได้ สามารถไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แยกตัวจากผู้อื่น แยกห้องทำงาน หรือเว้นระยะห่างจากบุคคลอื่น 2 เมตร จนครบ 1. เดือน ในส่วนของกลุ่มเสี่ยงที่กักตัวจนครบ 14 วัน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ
"ทุกประเทศเหยียบเบรคแรง เลิกปล่อยโควิดระบาดอิสระ"
นพ.ธนรักษ์ ยังกล่าวถึงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศอังกฤษ ว่า ในช่วงแรกอังกฤษไม่มีความพยายามในการใช้มาตรการเว้นระยะห่างของบุคคล หรือเว้นการทำกิจกรรมมากพอ จนทำให้ตกอยู่ในสภาพการแพร่ระบาดรุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ วันนี้ทุกประเทศทำเหมือนกันคือเหยียบเบรคอย่างรุนแรง เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างจริงจัง ไม่สามารถปล่อยเชื้อให้ระบาดอย่างอิสระได้ เพราะจะมีผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าห้องไอซียูจะรองรับได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าเชื้อโควิดแพร่ระบาดจากการสวมรองเท้าเข้าบ้าน นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า การรับเชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการหายใจ จากการรับเชื้อโดยตรงจากผู้ไอจาม หรือใช้มือเปื้อนเชื้อไปสัมผัสตา จมูก และปาก แม้การใส่รองเท้าเข้าบ้านอาจเป็นตัวกลางนำเชื้อเข้าบ้าน แต่ถาเราล้างมือบ่อยๆจะหยุดการแพร่ระบาดและการรับเชื้อได้