สั่งปิดป่า อุทยานฯดอยสุเทพ-ปุย ห้ามคนเข้า 100% จับเผาป่าแล้ว4ราย
ตรึงกำลังคุมเข้มป้องกันไฟป่าจุดเดิมซ้ำอีก พร้อมประกาศใช้มาตรการปิดป่า 100% ขอคืนพื้นที่ขอคืนพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หากพบผู้บุกรุกให้เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น เผยจับมือเผาป่าแล้ว 4 ราย
เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2563 นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 33 กองบิน 41 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์และร่วมหารือปรับแผนดับไฟป่าในพื้นที่ซ้ำซาก
นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เน้นย้ำมาตรการปิดป่า 100% เพื่อขอคืนพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยส่งกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อปท. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ จัดชุดลาดตระเวน และตรึงกำลังไว้ภายในพื้นที่ป่า เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดไฟขึ้นซ้ำอีก ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้เพิ่มการลาดตะเวนในพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น อีกทั้งถือเป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา และกลยุทธ์สำคัญที่ต้องทำควบคู่กัน
ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่หากพบผู้ที่เข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที เพราะได้ประกาศมาตรการปิดป่า 100% ไปแล้ว และหากพบผู้บุกรุกให้เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งจากการรายงานผลการจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเผา วานนี้ (31 มี.ค. 63) ดำเนินคดีได้จำนวน 6 คดี ได้แก่ ในพื้นที่อำเภอหางดง 2 ราย ตรวจพบการกระทำผิดเผาพื้นที่ป่า เผาพื้นที่สวนลิ้นจี่ ในเขตอุทยานฯดอยสุเทพ , อำเภอเชียงดาว 1 ราย ตรวจพบการบุกรุกพื้นที่แพ้วถาง และอำเภอแม่แจ่ม 1 ราย กระทำการลักลอบเผาป่า โดยจะสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับจุดความร้อน รอบเช้า เวลา 02.37 น.มี จำนวน 121 จุด ในพื้นที่ 15 อำเภอ 35 ตำบล โดยยังคงให้ความสำคัญในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จากที่เมื่อวานเกิดไฟป่าบริเวณขุนช่างเคี่ยน (ใกล้บ้านม้งดอยปุย) และบริเวณด้านล่างแหลมสน (ใกล้น้ำตกไทรย้อย) อำเภอเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งบ้านแม่สา ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม โดยได้ควบคุมไฟจนดับได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ซึ่งในเช้าวันนี้ยังคงให้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบซ้ำอีกรอบ เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นในจุดเดิมอีก และให้ทีมโดรนอาสาบินตรวจเช็คเก็บภาพมุมสูง เพื่อเป็นการป้องปราบผู้ที่คิดจะเข้ามาเผาในพื้นที่อีกด้วย
ในส่วนของภารกิจเฮลิคอปเตอร์จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 และเฮลิคอปเตอร์ MI-17 ของกองทัพบก ประจำการอยู่ที่ดอยสุเทพเป็นหลัก เพื่อเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ได้ส่งหน่วยบินกระทรวงทรัพยฯ (as-350) จำนวน 2 ลำ ร่วมกับหน่วยบินกรมฝนหลวง (as-350) จำนวน 1 ลำ เข้าปฏิบัติการบินทิ้งน้ำดับไฟพื้นที่ อำเภอสะเมิง ซึ่งมีจุดความร้อนจำนวนถึง 35 จุด และเฮลิคอปเตอร์ Mi 17 ของกองทัพบก จำนวน 1 ลำ บินทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อำเภอเชียงดาว โดยพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน กำลังภาคพื้นดินไม่สามารถเข้าไปดับได้