ศรีสะเกษ กักตัวนักท่องเที่ยวจากกัมพูชา 14 คน ที่หอประชุมอำเภอภูสิงห์
ชาวบ้านผวาทั้งคืน กักตัวนักท่องเที่ยวชาวไทยจากกัมพูชา 14 คน ขอเข้าเมืองผ่านด่านช่องสะงำที่มีคำสั่งปิดด่าน หวั่นนำเชื้อโควิด-19 จากต่างแดนเข้าสู่ไทย สุดท้ายนำมาพักกักตัวที่หอประชุมอำเภอภูสิงห์ ขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 ในศรีสะเกษยังยืนยันสะสม 8 ราย
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 63 ที่ ห้องประชุมศาลากลาง ชั้น 5 จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสำรวย เกษกุล นายสมชัย คล้ายทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดประชุมศูนย์ฉุกเฉินป้องกันภัยโรคโควิด-19 โดยมี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายแพทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ ปลัดจังหวัด ทีมงานผู้เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางป้องกัน ขณะนี้ตรวจพบว่า มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากโรคไข้โควิด-19 ยอดสะสม 8 ราย รักษาหายแล้ว 1 ราย มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จำนวน 58 ราย สามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้ว 47 ราย ยังต้องรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ 11 ราย ผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง สะสมจำนวน 49 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 4 ราย เฝ้าสังเกตอาการที่บ้าน 39 ราย ต้องระวังกักตัวให้ครบ 14 วัน จำนวน 6 ราย กลุ่มเสี่ยงสะสมกักตัวเพื่อสังเกตาการที่บ้าน 326 ราย กลุ่มเสี่ยงรายใหม่ 7 ราย ยังคงอยู่ระหว่างกักตัวที่บ้าน 14 วัน 77 ราย และผู้ที่เดินทางกลับมาบ้าน จากกรุงเทพมหานคร จำนวน 17,227 ราย ที่จะต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน
ที่อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ตรงหอประชุมอำเภอ ซึ่งเป็นสถานที่โล่ง โปร่ง และกว้าง ได้ใช้ได้เป็นสถานที่กักตัว นักท่องเที่ยว ทั้ง 14 คน ที่ขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 เม.ย. 63) โดยผ่านจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ แต่ปรากฎว่านักเที่ยวทั้งหมด ไม่มีใบตรวจโรค จากฝั่งประเทศกัมพูชาว่า มีความปลอดภัย จากเชื้อไข้หวัดโควิด-19 หรือไม่ ประกอบกับประเทศไทย ได้มีการสั่งปิดพรมแดนช่องสะงำ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ไปตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่า นักท่องเที่ยวทั้ง 14 คน เป็นคนไทยทั้งหมด จึงได้ลดหย่อนเปิดด่านให้เข้ามาได้ แต่ต้องกักตัวสอบสวนโรค เฝ้าระวัง การแพร่เชื้อไข้โควิด-19 จนครบ 14 วันก่อน หากไม่พบจึงจะอนุญาตให้กลับภูมิลำเนาได้ หากพบเชื้อก็จะต้องถูกส่งตัวรักษาที่ห้องแยกโรคของโรงพยาบาลต่อไป
ขณะเดียวกัน ประชาชนชาวอำเภอภูสิงห์ ส่วนหนึ่งมาติดต่อราชการที่ที่ว่าการอำเภอ เกิดความไม่สบายใจ หวั่นว่านักท่องเที่ยวทั้ง 14 คน จะนำเชื้อโรคไข้โควิด-19 มาแพร่กระจายในอำเภอภูสิงห์ ต่างหวาดผวาไปตามๆ กัน