'ปิยบุตร' พร้อม 'พรรณิการ์-พิธา' สู้คดีร่วม 'ธนาธร' จัดแฟลชม็อบ ตร.ยื่นอัยการสั่งคดี
ตำรวจ พงส. ปทุมวันฯ ส่งสำนวนพร้อมตัว "ปิยบุตร-พรรณิการ์-พิธา" คดีร่วม "ธนาธร" จัดแฟลชม็อบให้อัยการแขวงปทุมวัน ด้านอดีตเลขาฯ อนค. ชี้เป็นกรณีศึกษา พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นำสำนวนพยานหลักฐานคดีแฟลชม็อบ แยกปทุมวัน ปี 2562 พร้อมนำตัวผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีต ส.ส.อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) , น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 พิจารณา
โดยคดีนี้ ถูกกล่าวหาร่วมกระทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 กรณีร่วมกับกลุ่มนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค อนค.(นายธนาธร กับพวกรวม 5 คน ส่งสำนวนให้อัยการมาก่อนหน้านี้แล้ว) จัดแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.62
ทั้งนี้ภายหลัง ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เข้ารายงานตัวต่ออัยการเสร็จสิ้นแล้ว นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า ตามสำนวนตั้งข้อหาเดิม 5 ข้อหา โดยอัยการนัดผู้ต้องหาทั้งสามมาฟังว่าสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. แต่ตนปรึกษากับทั้งสามแล้ว เราคงจะต้องยื่นขอความเป็นธรรม เพราะการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ยังไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่นักศึกษา ประชาชน กับนายธนาธร แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรค อนค. ถูกกล่าวหาด้วยซึ่งสำนวนดังกล่าวขณะนี้อัยการยังไม่สั่งคดีอยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม
ด้านนายปิยบุตร แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาฯ พรรค อนค.กล่าวว่า เราตั้งใจต่อสู้คดีตามกฎหมาย เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทั้งในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ กระทั่งชั้นศาล พวกเราที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างน้อยที่สุดจะได้เป็นกรณีศึกษาว่าการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ซึ่งออกมาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดย คสช. นั้น ถึงเวลาใช้ในทางปฏิบัติมีปัญหาจริงๆ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทำไปทำมา วัตถุประสงค์ที่ตั้งใจทำให้เสรีภาพในการชุมนุมเกิดขึ้นได้ แต่ในท้ายที่สุดอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้จากการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
การที่เราถูกตั้งข้อหาเป็นจุดเริ่มต้นของการพิจารณาทบทวนเสนอแก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกแล้วเขียนใหม่ ให้กฎหมายการชุมนุมสาธารณะบังคับการให้เสรีภาพการชุมนุมซึ่งรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญให้เกิดขึ้น ใช้ได้จริง เมื่อถามว่า มองการใช้กฎหมายครั้งนี้เป็นการใช้เฉพาะกลุ่ม กลั่นแกล้งหรือไม่
นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่อยากจะคิดไปขนาดนั้น ตนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ หวังว่าประเทศไทยจะดำรงอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง กลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง สลับกันเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านเพียงเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ความเห็นแตกต่างทางการเมืองสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสันติ ต้องมีกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มี 2 มาตรฐาน วิธีทางเดียวที่จะทำให้ความเห็นต่างในทางการเมืองสามารถอยู่ร่วมกันได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีแฟลชม็อบ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.63 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ส่งตัวพร้อมสำนวนและความเห็นควรสั่งฟ้องนายธนาธร อดีตหัวหน้าพรรค อนค. , นายไพรัฎฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง, นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำวิ่งไล่ลุง และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ใน 5 ข้อหา
ประกอบด้วย 1.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ 4.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 5.ชุมนุมในรัศมีใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร ทั้งนี้ คดีในส่วนของผู้ต้องหา 5 คนแรก อยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม โดยอัยการนัดสั่งคดีชุดแรกในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ส่วนที่มีก่อนหน้านี้ ยังไม่มีการส่งสำนวนของนายปิยบุตร, น.ส.พรรณิการ์ และนายพิธา พร้อทกับชุดของนายธนาธร เนื่องจากขณะนั้นยังคงมีเอกสิทธิ์ ส.ส.ซึ่งอยู่ช่วงในสมัยประชุมสภา