บลจ.วรรณ ชี้จังหวะลงทุนหุ้น แนะ 'ให้เงินทำงาน' ผ่าน 'SSF'
แม้การระบาดของ "โควิด-19" ทำให้บรรยากาศการลงทุนก่อนหน้านี้ไม่ดีนัก แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น ผู้ลงทุน “เริ่มชิน” ปรับตัวยอมรับการลงทุนในภาวะนี้ได้แล้ว
เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นเกิน 1,200 จุด ซึ่งจากสถิติการลงทุนหุ้นไทยในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤติซับไพร์ม หากถือยาวถึง 10ปี สามารถทำกำไรเฉลี่ย20-30%ต่อปี ดังนั้น“ การลงทุนระยะยาว" จึงเป็นโอกาสที่ดีในปีนี้
“พจน์ หะริณสุต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด หรือONEAM บอกว่า ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป ที่จะเริ่ม “ให้เงินทำงาน” สร้างเงินออม ผ่านกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว2 แบบ ทั้ง “SSFX ”และ “SSF” ซึ่งภาวะตลาดหุ้นไทยระดับนี้เป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุน เพราะเมื่อเราไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่จะเป็นจุด “ต่ำสุด”
..คำถามว่า ซื้อได้เมื่อไหร่ คงตอบว่า “ซื้อได้เดี๋ยวนี้”
โดยเริ่มจับจังหวะตั้งแต่ดัชนีที่ระดับ 1,200 จุดในตอนนี้ ราคาหุ้นยังถูกกว่าจุดสูงสุดที่ 1,800 จุดถึง33% ให้ทยอยเข้าหนึ่งรอบเพราะในอนาคตยังไม่แน่นอน หากตัวเลขผู้ติดเชื้อคงที่หรือลดลง ดัชนีอาจปรับตัวขึ้นระดับ 1,300 -1,400จุดได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่ม ราคาน้ำมันยังลง ก็มีโอกาสที่ตลาดอาจปรับฐานรอบใหม่ได้เช่นกัน ถ้าดัชนีปรับลงมาที่ระดับ 1,000 จุด ทยอยเข้าอีกหนึ่งรอบ และเมื่อดัชนีปรับตัวลงที่ระดับต่ำกว่า 1,000 จุด เข้าอีกรอบ เรามองว่า ระดับนี้เป็นจุดที่น่าเข้าซื้อมากที่สุดแล้ว ไม่ควรจะต่ำไปกว่าระดับ800 จุด หากต่ำกว่านั้นจะเป็นจุดวิกฤติมากจะมีแรงขายออกมากได้เช่นกัน
“เรามองการลงทุนหุ้นใน SET50 มีสภาพคล่องสูง และเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์หลังผ่านวิกฤติโควิด และเศรษฐกิจโลกแบบ new normal ยังมีธุรกิจที่อยู่รอดได้ เช่น กลุ่มเวชภัณฑ์ และโรงพยาบาล หรือกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก จากคนซื้อผ่านออนไลน์และกลุ่มสื่อสาร จากคนทำงานที่บ้าน รวมถึงกลุ่มสนามบิน หากราคาปรับลงมามากอาจเข้าสะสมไว้ แต่กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หรือกลุ่มพลังงานที่ราคายังอยู่ระดับต่ำ เลี่ยงการลงทุนไปก่อน”
เศรษฐกิจโลกแบบ new normal ยังมีธุรกิจที่อยู่รอดได้ เช่น กลุ่มเวชภัณฑ์ และโรงพยาบาล หรือกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก จากคนซื้อผ่านออนไลน์และกลุ่มสื่อสาร จากคนทำงานที่บ้าน รวมถึงกลุ่มสนามบิน หากราคาปรับลงมามากอาจเข้าสะสมไว้
“พจน์” มองว่า จังหวะนี้น่าเข้าลงทุนใน “หุ้นทั่วโลก” และ “หุ้นจีน” ด้วย ตอบโจทย์การลงทุนยาวถึง10ปี สร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะราคาหุ้นจีนสะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ที่ผ่านมาหุ้นจีนตกน้อยสุดในโลกและรอดวิกฤติก่อนคนอื่น
สำหรับการลงทุนใน SSFนั้น ผู้ลงทุนต้องเปิด “ไส้ในแต่ละกอง”พิจารณาให้ดี หุ้นที่ลงทุนต้องเป็นหุ้นดีคือ ธุรกิจเติบโต อยู่รอดในอนาคต เป็นผู้นำอุตสาหกรรมและมีนวัตกรรม โดยบลจ.วรรณ มีกองทุนSSFและกองทุนSSFX ที่มีจุดเด่น มองการลงทุนหุ้นแห่งอนาคต ตอบโจทย์ลงทุนระยะยาวด้วยสไตล์การลงทุนเชิงรุก มีกองทุน SSFX 1 รูปแบบ เป็นการลงทุนหุ้นไทยSET 50 /Mai
และกองทุนSSFจำนวน 3 รูปแบบ เป็นการลงทุนหุ้นไทยSET50/Mai ,การลงทุนหุ้นทั่วโลก อ้างอิงกองทุนONE-UGGซึ่งเป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ดีสุดในรอบ10ปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-5%ต่อปี ลงทุนในหุ้นที่ธุรกิจใหม่ทั่วโลก เช่น เฟชบุ๊ค กูเกิล เครื่องมือทางการแพทย์และการลงทุนหุ้นจีน อ้างอิง กองทุนONE -ALLCHAINA เป็นกองทุนFund of Funds เน้นลงทุนในกองทุนUBS (Lux) Equity SICAV – All China (USD) I-A1-acc ลงทุนในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนและ นอกจีน สร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับต้นๆของกองทุนหุ้นจีนในปัจจุบัน