โบรกแนะ 'เลี่ยง'ลงทุนหุ้นน้ำมัน คาดราคาตลาดโลกลงอีก
"หุ้นกลุ่มน้ำมัน"ร่วงยกแผง ผลกระทบราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง "ต่ำสุด"รอบ 18 ปี นักลงทุนแห่เทขายล็อกกำไร กดดัชนีหุ้นไทยดิ่งกว่า 35.95 จุด ด้านโบรกฯ ประเมินแนวโน้มราคายังลงต่อได้ แนะหลีกเลี่ยงการลงทุน หวั่นดีมานด์ลดฮวบยาว
วานนี้ (16 เม.ย.2563) ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มน้ำมันปรับตัวลดลงแรง หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบรอบ 18 ปี โดยมีแรงเทขายออกมาจำนวนมาก กดดันดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) ปรับตัวลดลงปิดที่ระดับ 1,200.15 จุด ลดลง 35.95 จุด หรือ -2.91% มูลค่าการซื้อขาย 59,613.37 ล้านบาท
หุ้นในกลุ่มน้ำมันที่ปรับตัวลดลง นำโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ร่วง 8.33% มาอยู่ที่ระดับ 35.75 บาท ลดลง 3.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,349 ล้านบาท,บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ร่วง 6.67% มาอยู่ที่ระดับ 18.20 บาท ลดลง 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 58.45 ล้านบาท,บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ร่วง 6.34% มาอยู่ที่ระดับ 33.25 บาท ลดลง 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,408 ล้านบาท
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ร่วง 5.43% มาอยู่ที่ระดับ 74.00 บาท ลดลง 4.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,020 ล้านบาท, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ร่วง 5.77% มาอยู่ที่ระดับ 36.75 บาท ลดลง 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 680 ล้านบาท และบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ร่วง 2.83% มาอยู่ที่ระดับ 5.15 บาท ลดลง 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 75.81 ล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและน้ำมันร่วงแรงยกกลุ่ม น่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง หลังจากมีความวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์จากแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกให้ลดลง ประกอบกับตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 12
ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้มีแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงานและน้ำมันจำนวนมาก เพื่อล็อกกำไร หลังจากหุ้นหลายตัวราคาเด้งขึ้นมาจากระดับต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมากว่า 20-30% แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานไปก่อน เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวลดลงอีกได้ หลังมีการประกาศตัวเลขความต้องการใช้น้ำมันของโลกในช่วงเดือน เม.ย.หายไปกว่า 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสถานการณ์โควิด-19ยังลากยาว อาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้ให้ลดลงไปอีก จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ระดับ 101 ล้านบาร์เรลต่อวัน
“ระยะสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นพลังงานไปก่อน เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับราคาหุ้นในกลุ่มยังค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว หลังจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มฯดีดตัวขึ้นมาแรง”
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังมีโอกาสปรับสมมุติฐานราคาน้ำมันปีนี้ลงเหลือบริเวณ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากผลพวงของโควิด -19 ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจบลงเมื่อใด