'ฝ่ายค้าน' และ 'รัฐบาล' งัดเปิดสภาวิสามัญ เผยเสี่ยงส.ส. 500 คนรวมตัว

'ฝ่ายค้าน' และ 'รัฐบาล' งัดเปิดสภาวิสามัญ เผยเสี่ยงส.ส. 500 คนรวมตัว

"6 พรรค" ยื่นนายกฯและประธานสภา ขอเปิดวิสามัญสัปดาห์หน้า ด้านประธานวิปรัฐบาลขวาง อ้างความเสี่ยงส.ส. 500 คนรวมตัว

ปธ.วิปรัฐบาลเบรกหวั่นส.ส.เสี่ยง

ทางด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงเรื่องนี้ว่า วันนี้เห็นใจนายกฯ ที่กำลังแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 จึงผลีผลามไม่ได้ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่กำลังลดลงอาจเพิ่มสูงขึ้นเหมือนบางประเทศได้ อยากให้รอสถานการณ์ของเราสะเด็ดน้ำมากขึ้นกว่านี้ก่อน หรืออาจจะรอพิจารณากันในสภาฯ สมัยสามัญที่จะประชุมนัดแรกวันที่ 22 พ.ค.นี้ ทั้งนี้แกนนำฝ่ายค้านหลายคน ได้พูดคุยกับตนแล้ว จะทำเรื่องเสนอถึงรัฐบาล ซึ่งสามารถดำเนินการได้เลย

“ถ้าเปิดสภาสมัยวิสามัญในช่วงนี้ แล้วส.ส.เข้ามาจนทำให้มีการแพร่เชื้อไปทั่วประเทศ ใครจะรับผิดชอบ ผมจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดในช่วงนี้ แต่เพื่อความรอบคอบ ผมจะหารือกับแกนนำวิปรัฐบาลคนอื่นๆ นอกรอบก่อน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ความชัดเจนระดับหนึ่ง” นายวิรัช กล่าว

สภาฯหั่นงบสัมมนา-ดูงาน 336ล้าน

ขณะที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณคืนให้รัฐบาลใช้แก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ตัดงบ 336 ล้านบาท ส่งคืนให้กับสำนักงบประมาณแล้ว อาทิ งบการฝึกอบรมและจัดสัมมนาต่างๆ งบการเดินทางไปดูงานต่างประเทศของกรรมาธิการ(กมธ.) 35 คณะๆ ละ 4.8 ล้านบาท และเบี้ยประชุม กมธ.ทุกคณะ เนื่องจากงบเหล่านี้ ไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลานี้ เพราะไม่มีการจัดฝึกอบรมและไม่มีการประชุม กมธ.คณะต่างๆ

ส่วนเรื่องการเตรียมพร้อมเปิดสภาฯ ในสัปดาห์หน้าจะทดสอบความพร้อมการใช้ห้องประชุมสุริยันในครั้งที่ 3 เพื่อให้มีความพร้อมใช้งานได้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.

        ส่วนการคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่ต้องคุมเข้ม เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งช่วงการเปิดประชุมสภาฯ หากพบว่าใครมีไข้สูง เข้ามาในบริเวณสภาฯ จะส่งต่อไปให้กับสถาบันบำราศนราดูรวินิจฉัยต่อทันที

หมอเลี๊ยบยกเหตุผลเปิดเมือง

วันเดียวกันนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ผ่านเฟชบุ๊คหัวข้อ “ปิดเมือง คือ ”ยาแรง“..ถึงเวลาหยุดให้ยา :1 พฤษภาคม ได้เวลาเปิดเมือง และว่าด้วยปฏิญญาสำคัญของแพทย์ First, Do No Harm ! ” โดยระบุเหตุผล 12 ประเด็น ที่ควรเปิดเมืองในวันที่ 1 พ.ค. พร้อมทั้งคำถามถึงการปิดเมืองมา 31 วัน ที่เปรียบเหมือนการใช้ “ยาแรง” หรือ “ยาอันตราย” แม้จะมีผลดีในการจำกัดการระบาดให้น้อยลง แต่มีข้อเสียคือ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทุกหย่อมหญ้า 

โดยระบุว่าการ“เปิดเมือง” เกิดขึ้นได้ ถ้าความรับรู้ของประชาชนในการป้องกันโรคเป็นไปอย่างกว้างขวาง ขอเพียง 80% ก็เพียงพอแล้ว พร้อมทั้งยกข้อมูลใน ศบค.มาแจกแจง ก่อนจะระบุในตอนท้ายว่า

จากข้อมูลเราพร้อม “เปิดเมือง” อย่างมีขั้นตอนและปลอดภัยตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข  “ยิ่งกว่าพร้อม”